Education Skill 2030 รู้ทัน การศึกษาในอีก 10 ปี
การศึกษาในรูปแบบเดิมๆ จะหมดสิ้นไป เพราะจากการคาดการณ์ของ HolonIQ ที่คาดว่าจะมี 5 ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นต่อระบบการศึกษาทั่วโลก จะมีเรื่องใดบ้างที่เราต้องเตรียมตัว รับมือให้ทัน ก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลง!
ยุคสมัยเปลี่ยน โลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน หรือแม้แต่การศึกษาเองก็ยังคงเปลี่ยนไปเช่นกัน จากการเรียนหนังสือในรูปแบบเดิมๆ ที่อยู่แค่ในห้องเรียน ทำการบ้านลงในสมุด ไม่เข้าใจเนื้อหาตรงไหนก็ต้องสอบถามได้แค่ครูผู้สอน แต่ในตอนนี้ถ้าหากพูดถึงการเรียนในข้างต้น ก็คงจะค่อยๆ หมดไปตามกาลเวลา เพราะสิ่งเหล่านี้อาจจะไม่เพียงพอกับการศึกษาในปัจจุบัน นั่นเพราะการเรียนรู้ของคนก้าวกระโดดมากขึ้น การศึกษาในอนาคต จะมีความเป็นไปได้ในทิศทางไหน และความเป็นไปได้ของระบบการศึกษาในปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร?
จากรายงานวิจัยของ HolonIQ แพลตฟอร์มข้อมูลเทรนด์ และงานวิจัยทางการศึกษาระดับโลก ได้เปิดเผยข้อมูลความน่าจะเป็นของการศึกษาในอนาคตในปี 2030 ซึ่งได้วิเคราะห์มาจากการใช้ Machine Learning จากการดึงข้อมูลมา 5,000 จุดจากแหล่งข่าวชั้นนำทั่วโลก บวกกับการสัมภาษณ์จากผู้เชี่ยวชาญมากมายทั่วโลก อาทิเช่น World Bank และ UNESCO ที่ชี้ให้เห็นถึง 5 ความเป็นไปได้ของอนาคตทางการศึกษาของโลก
1.Education as Usual
สถาบันการศึกษายังคงเป็นแหล่งหลักในการเรียนรู้ แต่ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรสูงวัย และการเปลี่ยนแปลงกับการศึกษาในรูปแบบใหม่ๆ ที่จะเน้นทักษะทางด้านอาชีพโดยเฉพาะ โดยอาจจะเป็นรูปแบบของการร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ภาคเอกชน เพื่อสร้างหลักสูตรที่เน้นทักษะที่นำไปใช้ในการทำงานได้จริง ไม่เน้นทฤษฎี ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ รวมไปถึงการจ้างงานกันข้ามประเทศมากขึ้นในรูปแบบการทำงานออนไลน์
2.Regional Rising
สถาบันการศึกษาในภูมิภาคร่วมมือกันปรับหลักสูตร ให้สามารถแบ่งปันข้อมูลร่วมกันเพื่อพัฒนามาตราฐานการอบรมครูให้เป็นสากล จนสามารถทำโปรแกรม Exchange ครู/นักเรียน โดยให้ครู 1 คน สามารถสอนได้ในหลายประเทศหมุนเวียนกันไป นอกจากนี้ก็ยังมีการ Exchange นักเรียน และคนทำงานเพิ่มมากขึ้นด้วยระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ และแก้ปัญหาแรงงาน
3.Global Giants
แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล การเรียน การวัดผล การสื่อสาร และการรายงานผลการเรียน จากเทคโนโลยี และจากความร่วมมือระหว่างภูมิภาคที่อยากจะเชื่อมต่อโลกทั้งใบเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้บริษัทที่เป็นผู้นำตลาดเข้าถึงผู้ใช้จำนวนมหาศาลทั่วโลก เพราะหากเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การพัฒนาการเรียนการสอนก็จะเป็นแบบ Data-Driven และ Personalized มากขึ้นเพราะจะมีจุดข้อมูลที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น ข้อมูลการเรียนแบบ Real-Time ส่งให้พ่อแม่ และคุณครู เพื่อช่วยเหลือการสอนได้อย่างถูกต้องมากที่สุด
4.Peer to Peer
การเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างตัวบุคคล จะมีแนวโน้มว่าจะถูกลดลงจากเดิม นั่นเพราะการเข้าถึงเป็นไปอย่างแพร่หลาย และทั่วถึงมากขึ้น รวมไปถึงจะทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้อย่างแท้จริง
ในรูปแบบนี้เหมาะกับการเรียนรู้ทักษะการทำงานของผู้ใหญ่มากขึ้น เพราะจะมีการรับรองคุณภาพด้วย Rating ของผู้สอนซึ่งถูกโหวตในระบบเปิด เพื่อให้ผู้สอนที่มีทักษะกระจายตัวไปในสายที่เหมาะสม ไม่จำเป็นที่จะต้องสอนอยู่แค่ในสถาบัน แต่สามารถทำให้การเรียนการสอนถูกโยกมาอยู่ในระดับบุคคล
5.Robot Revolution
การนำมาซึ่ง AI ที่จะช่วยให้การเรียนการสอนพัฒนาขึ้นจากเดิมเพียงสิ่งเดียว อาจจะยังไม่เหมาะมากนัก เพราะยังคงต้องเรียนรู้ที่จะผสมผสานระหว่างระบบ AI กับคุณครูผู้สอนด้วยมากกว่า เพราะการเรียนรู้ของคนนั้น ไม่เหมือนกับการสั่งงานแบบหุ่นยนต์ นั้นจึงทำให้การเรียนรู้จะเป็นในรูปแบบของ Personalized คือปรับให้เหมาะกับนักเรียนในแต่ละคนมากกว่าโดยเรียนรู้ผ่านระบบ ทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพเท่าเทียมกัน
จาก 5 ข้อนี้อาจเป็นเพียงแค่การคาดการณ์ของฐานข้อมูลโลกที่มีในปัจจุบัน ของงานวิจัยจาก HolonIQ ที่คาดว่าสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด คือการผสมผสานระหว่างรูปแบบต่าง ๆ และในแต่ละภูมิภาคจะปรับใช้รูปแบบที่ต่างกันขึ้นอยู่กับโครงสร้างประชากร สภาพเศรษฐกิจและสังคม