แสนสิริโชว์ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 67 รายได้รวมโต 20%
แสนสิริโชว์ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 67 รายได้รวมโต 20% อยู่ที่ 10,170 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,315 ล้านบาท เติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง และตลาดอสังหาฯ ทยอยฟื้นตัว
- แสนสิริ (SIRI) โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 67 กวาดรายได้รวม 10,170 ล้านบาท โต 20% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องตามกลยุทธ์รักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ
- บริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,315 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ ตอกย้ำ 40 ปีแสนสิริ แบรนด์อสังหาฯ อันดับหนึ่ง
- เชื่อมั่นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ หนุนตลาดอสังหาฯ ปี 67 เดินหน้า Speed to Market ลุยต่อไตรมาส 2 เปิด 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท ไฮไลท์แบรนด์ใหม่ ELSE (เอลซ์) รุกตลาดแนวราบ และ PYNN (พินน์) เอ็กซ์คลูซีฟ คอนโดมิเนียม
จ่อเปิดตัวโครงการแรก PYNN Pridi20 (พินน์ ปรีดี 20)
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2567 แสนสิริมีรายได้รวมในไตรมาสแรก อยู่ที่ 10,170 ล้านบาท โตขึ้น 20% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลงานมาจากรายได้จากการขายโครงการที่เพิ่มขึ้นถึง 32% อยู่ที่ 8,901 ล้านบาท นำด้วยรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรีจากแสนสิริ ทั้งการโอนต่อเนื่องของโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา, โครงการบูก้าน พระราม 9 - เหม่งจ๋ายที่ปิดการขายทันทีภายใน 1 วันแรกที่เปิดจองและเริ่มโอนในไตรมาสนี้ โครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริ อาทิ เศรษฐสิริ ดอนเมือง เศรษฐสิริ บางนา-สุวรรณภูมิและ เศรษฐสิริ วงแหวน-จตุโชติ รวมทั้งมิกซ์ โปรดักส์แบรนด์อณาสิริ บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในโครงการเดียว ภายใต้แนวคิด “Feel Just Right ความพอดีที่ลงตัว” โครงการ อณาสิริ พายัพ ที่ตรงใจไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าชาวเชียงใหม่จนให้การตอบรับที่ดีมาก ส่งผลให้ Sold out! ปิดการขาย 2 เฟสรวด รวม 50 ยูนิต
และเตรียมเปิดการขายต่อเนื่องในเฟสที่ 3 เดือน มิถุนายนนี้ รวมทั้งการโอนต่อเนื่องของโครงการอณาสิริ สรงประภาและโครงการอณาสิริ ปิ่นเกล้า-กาญจนา นอกจากนี้ยังมีรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม อาทิ เอ็กซ์ที พญาไท, เดอะ เบส ดาวน์ทาวน์ ขอนแก่น และความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมโอนโครงการ เนีย บาย แสนสิริ เป็นต้น โดยนอกจากรายได้ที่โดดเด่นในทุกโปรดักส์ แสนสิริยังมีกำไรสุทธิในไตรมาสแรกอยู่ที่ 1,315 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการยืนหยัดสร้างผลกำไรที่ดีท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและภาวะตลาดอสังหาฯ ที่ทยอยฟื้นตัว ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้แสนสิริได้รับการยืนยันอันดับเครดิตองค์กรอยู่ที่ระดับ BBB+ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความน่าเชื่อถือในระดับการลงทุน (Investment Grade) จากทริสเรทติ้ง อีกด้วย
“ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) เพื่อสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี โดยเพื่อตอกย้ำการก้าวสู่ปีที่ 40 ก้าวสำคัญที่กล้าจะแตกต่าง จากความเป็นผู้นำด้านดีไซน์และบริหารหลังการขาย มุ่งยกระดับคุณภาพสินค้าและการอยู่อาศัย แสนสิริเดินหน้าด้วยกลยุทธ์อย่างเหนือกว่าผ่านการตลาดที่แข็งแกร่ง รวมถึงการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย ให้กระจายไปในหลากหลายทำเล เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขัน
สำหรับไตรมาส 2 แสนสิริวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ราว 11 โครงการมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 7,800 ล้านบาท อาทิ เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน Beachfront Branded Residences แห่งแรกในเอเชีย ภายใต้แบรนด์บูทีคโฮเทลและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก “เศรษฐสิริ รวมโชค” บ้านดีไซน์ Modern Classic วิวดอยสุเทพ ที่ชูนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น สู้ PM 2.5 ราคาเริ่มต้น 20-35 ล้านบาท*
“สราญสิริ ศรีนครินทร์ – แพรกษา” บ้านเดี่ยวดีไซน์ Modern Farmhouse พร้อมส่วนกลางขนาดใหญ่ทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีแพรกษา เพียง 2.3 กม. เริ่ม 6.99 ล้านบาท* และ “สราญสิริ ศาลายา-ปิ่นเกล้า” บ้านเดี่ยวดีไซน์ยอดนิยม Urban Farmhouse พร้อม Double Volume หนึ่งเดียวบนทำเล ศาลายา ปิ่นเกล้า เพียง 10 นาที* จากคู่ขนานบรมฯ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน เริ่ม 9 ล้าน* เปิดพรีเซลล์พร้อมกัน 2 โครงการ วันที่ 18 - 19 พฤษภาคมนี้
“อณาสิริ อยุธยา 2” บ้านเดี่ยว-บ้านแฝด Modern Japanese แห่งเดียวในอยุธยา ส่วนกลางจัดเต็มกว่า 1 ไร่ ติดถนน 3477 เชื่อมต่อทุกเส้นทาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง เซ็นทรัลอยุธยา โลตัส โฮมโปร รวมถึงโรงพยาบาล และสถานศึกษาชั้นนำ เริ่ม 3.99 ล้านบาท*
นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดการขายคอนโดใหม่จากแสนสิริ ทำเลใจกลางเมือง เพียง 200 เมตร จาก เซ็นทรัล เชียงใหม่ ดีไซน์สไตล์รีสอร์ท ส่วนกลางครบครันทั้งสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิค 55 เมตร และ Pet Yard พร้อมจุดเด่นสเปซห้องกว้างเหมือนอยู่บ้าน และ
THE MUVE สุขุมวิท 107 คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ แต่งครบ หนึ่งเดียวในย่านแบริ่งจากแสนสิริ รวมถึงไฮไลท์การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ทั้ง ELSE (เอลซ์) หนึ่งในไฮไลท์แบรนด์แนวราบในปีนี้ และ PYNN (พินน์) ปักหมุดชีวิตใจกลางเมือง แบรนด์คอนโดน้องใหม่ ที่จ่อเปิดตัวโครงการแรก PYNN Pridi20
(พินน์ ปรีดี 20) เอ็กซ์คลูซีฟ คอนโดมิเนียมเพียง 36 ยูนิต เลี้ยงสัตว์ได้ ขนาด 1 ห้องนอน 34 ตารางเมตรพร้อมเฟอร์นิเจอร์ พร้อมที่จอดรถถึง 90% เพียง 120 เมตร ถึงโรงเรียนนานาชาติ St. Andrews สุขุมวิท71 ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท จ่อคิวเปิดตัวโครงการพร้อมอยู่วันที่ 18 – 19 พฤษภาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีในทุกโครงการเช่นเดียวกับไตรมาสแรก” นายวิชาญ กล่าว
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน "บ. แสนสิริ" ที่ "BBB+"
(ประกาศวันที่ 14 พ.ค. 67)
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “ Stable” หรือ “คงที่”
อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้สะท้อนถึงสถานะผู้นำตลาดของบริษัทในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้รับแรงหนุนจาก แบรนด์ ที่ มีชื่อเสียง และ สินค้า ที่ มีความหลากหลาย นอกจากนี้ทริสเรทติ้ง ยังคาดว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งตลอดช่วงปีประมาณการ อีกด้วย
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและขีด ความสามารถในการแข่งขันในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัยในช่วง 3 ปีข้างหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ รายได้ จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกของผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่จด ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อเนื่องมานานหลายปี
สถานะในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับการส่งเสริมจากแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีและสินค้าที่มีความหลากหลาย และได้รับแรงหนุนจากการตอบรับที่ดีของผู้ซื้อบ้านทั้งในโครงการที่เปิดตัวแล้วในปัจจุบัน และโครงการที่เปิดตัวใหม่ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ด้วยอัตราการทำกำไรที่ดี ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฟื้นตัวขึ้นมาจากในช่วงต่ำสุดที่ระดับ 25%-26% ในช่วงปี 2562-2563 มาสู่ระดับ 34%-35% ในช่วงปี 2564-2566
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและขีด ความสามารถในการแข่งขันในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัยในช่วง 3 ปีข้างหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ รายได้ จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกของผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่จด ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อเนื่องมานานหลายปี