อีสท์ วอเตอร์ ยังมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงด้านน้ำต่อเนื่อง เสริมศักยภาพรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น
ตามที่ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับการดำเนินการตามประกาศเชิญชวนเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ฉบับลงวันที่ 10 กันยายน 2564 ซึ่งมีผลเป็นการระงับการดำเนินการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ในวันที่ 3 สิงหาคม 2565 นั้น อีสท์ วอเตอร์ ขอเรียนว่า คำสั่งศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวเป็นขั้นตอนการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น มิใช่คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองในส่วนที่เป็นการชี้ขาดตัดสินเนื้อหาหลักของคดี โดยเนื้อหาหลักของคดียังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง เพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีต่อไป ทั้งนี้ หาก อีสท์วอเตอร์ ได้รับความเสียหายใด ๆ ยังสามารถใช้สิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องได้ในอนาคต
อนึ่ง อีสท์ วอเตอร์ ยังคงประกอบธุรกิจได้ตามปกติ ประกอบกับ อีสท์ วอเตอร์ ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำ เพิ่มเติมอีกประมาณ 120 กิโลเมตร พร้อมสถานีสูบน้ำเพิ่มเติม เพื่อให้มีความสามารถในการสูบส่งประมาณ 350,000 ลบ.ม. ต่อวัน เชื่อมเข้ากับระบบ Water Grid และเสริมสร้างความมั่นคงในการบริหารจัดการน้ำ (Water Security) เพื่อให้บริการลูกค้าและรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมไว้แล้ว