ห้องแต่งตัวสไตล์วินเทจ มนต์เสน่ห์ ของ รณันธร พลชาติ
ผู้หญิงก็ต้องคู่กับการรักสวยรักงาม โดยเฉพาะเรื่องการช็อปปิ้งและการแต่งตัวไม่เคยออกไปจากสายเลือด
โดย...วราภรณ์ ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล
ผู้หญิงก็ต้องคู่กับการรักสวยรักงาม โดยเฉพาะเรื่องการช็อปปิ้งและการแต่งตัวไม่เคยออกไปจากสายเลือด นี่คือไลฟ์สไตล์และรสนิยมส่วนตัวของ โอ๋-รณันธร พลชาติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แบ็ค รีพับลิค (ประเทศไทย)ผู้ดำเนินธุรกิจ My Bag Spa Thailand ที่ให้บริการดูแลคืนชีวิตความสวยงามให้แก่กระเป๋าเครื่องหนัง รองเท้าแบรนด์เนมต่างๆ ให้กับลูกค้าระดับไฮเอนด์ เธอเลือกทำธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับความชอบส่วนตัว คือ หลงรักแฟชั่น โดยเฉพาะเครื่องหนัง กระเป๋ารองเท้ามาก ดังนั้นบ้านที่รณันธรใช้พักอาศัย หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นกึ่งๆ บ้านพักตากอากาศก็ได้ เนื่องจากจันทร์ถึงศุกร์เธอจะอยู่บ้านหลังเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ย่านตลิ่งชัน แต่ในช่วงเสาร์อาทิตย์เธอชอบมาพักที่บ้านที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงตนเองและตกแต่งทุกตารางนิ้วด้วยแนวคิดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือแต่งบ้านสไตล์ยุโรปเล่มโปรด
สำหรับมุมโปรดที่รณันธรชอบที่สุดในบ้านหลังนี้ คือห้องแต่งตัวของเธอนั่นเอง เพราะค่าที่รักของสวยๆ งามๆเช่น เสื้อผ้า กระเป๋าเครื่องหนังและเครื่องประดับ หากไม่นั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดบนชั้น 2 ของบ้านหลังใหญ่ที่ปลูกบนเนื้อที่ราวๆ 180 ตารางเมตร เธอชอบอยู่ที่ห้องนอน ซึ่งอยู่ติดกับห้องแต่งตัวอีกทีที่ถูกคั่นด้วยห้องเก็บกระเป๋าและรองเท้า
“ห้องแต่งตัวนี้ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่โอ๋รักมากคือตู้ใส่ของสุดรัก ได้แก่ กระเป๋าหนังราคาแพง และเครื่องประดับตู้นี้ชื่อ Renee คาบิเน็ต จุดประสงค์ของการเลือกตู้นี้เพื่อช่วยเก็บรักษาและยืดอายุกระเป๋าใบโปรดของโอ๋ให้สวยไปได้นานๆ กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นงานประดับห้อง ชอบตู้ใบนี้เพราะเขาสวยด้วยลวดลายศิลปะยุครอคโคโค่ สะท้อนความหรูหราคลาสสิก การแกะสลักลวดลายสวยงามลงบนไม้อย่างประณีต ซึ่งเป็นสไตล์ที่โอ๋ชอบพอดี”
อีกเหตุผลหนึ่งที่รณันธรชอบห้องแต่งตัว เพราะอยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ ค่าที่เป็นผู้หญิงก็ชอบแต่งตัวอยู่แล้ว จึงบรรจงตกแต่งในแบบที่ตัวเองชอบคือวินเทจหน่อยๆ
“โอ๋ชอบเข้าไปชื่นชมของที่เราซื้อมา เช่น เครื่องหนัง เสื้อผ้า เพราะนอกจากชอบซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านที่ซื้อเก็บมานานหลายปี พอมีบ้านของตัวเองก็เอาของเหล่านั้นมาตกแต่ง อย่างมีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นดีๆ ที่เหมาะกับสไตล์เราก็ชอบซื้อมาใส่ เช่น วอล์กอิน โคลเซต โอ๋เลือกทำไว้ทั้งสองห้องเลยเพราะข้าวของค่อนข้างเยอะ มีห้องเดียวไม่พอ (หัวเราะ) การแต่งบ้านกับซื้อของเป็นสองกิจกรรมที่ทำให้โอ๋มีความสุข ตอนทำบ้านเสร็จใหม่ๆ เมื่อ 5 ปีก่อน โอ๋ใช้เวลาแต่งบ้านทั้งหมดนาน 6 เดือนทีเดียว ทั้งเลือกของ เลือกวัสดุดูลายไม้ เลือกวอลเปเปอร์ โทนของบ้านโดยรวมจึงออกมาคลาสสิก เหมือนห้องแต่งตัวของโอ๋ เวลาตกแต่งบ้านเสร็จจึงรู้สึกว่าบ้านเราสวยไม่ค่อยเหมือนใคร เป็นตัวของเราเอง คือ หลากอารมณ์ เพราะตัวเองชอบของโบราณหน่อยๆดูเคร่งขรึม ดูมีเสน่ห์ค่ะ