“โครงการ Thailand Liquid Crystals in SPace” จับมือนาซาศึกษาผลึกเหลวในอวกาศ
“ศุภมาส” เปิดประชุม “โครงการ Thailand Liquid Crystals in SPace” พร้อมขับเคลื่อนการศึกษาผลึกเหลวในอวกาศ ผลงาน บพค. - ม.เกษตรฯ - จิสด้า - องค์การนาซา ผลักดันให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์ในวงการอุตสาหกรรมของมวลมนุษยชาติ เตรียมขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติในเดือนกุมภาพันธ์หน้านี้
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดการประชุมความก้าวหน้าของโครงการศึกษาผลึกเหลวในอวกาศ (Thailand Liquid Crystals in Space (TLC)) ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) และมีการประสานความร่วมมือด้านงานวิจัยในอวกาศระหว่างคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ในสังกัดคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และผู้เชี่ยวชาญจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (องค์การนาซา, NASA) ประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเผยแพร่ความสำเร็จในการดำเนินงานของโครงการความร่วมมือทางวิชาการและส่งเสริมการทำงานวิจัยของบุคลากรร่วมกับองค์กรชั้นนำระดับโลก โดยมี ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.)
ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้กล่าวรายงานการดำเนินการโครงการฯ รศ.ดร.ณัฐพร ฉัตรแถม หัวหน้าโครงการเป็นผู้กล่าวรายงานความก้าวหน้าของโครงการฯ ร่วมกับผู้แทนจาก NASA และมี ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) ศ.ดร. นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) เข้าร่วม
น.ส.ศุภมาส กล่าวว่า ในวันนี้เรามารวมตัวกันเพื่อสร้างหมุดหมายสำคัญในการเดินทางของวิทยาศาสตร์อวกาศและการวิจัยเพื่อประเทศไทย และร่วมหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการศึกษาผลึกเหลวในอวกาศ (Thailand Liquid Crystals in Space (TLC)) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการสำรวจอวกาศและวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย ในขณะที่เรากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการปล่อยอุปกรณ์เพย์โหลด (payload) สำหรับการศึกษาผลึกเหลวบนสถานีอวกาศนานาชาติอวกาศในปี 2568 โดยโครงการได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ซึ่งเป็นผลจากความทุ่มเท และความเชี่ยวชาญของนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร รวมถึงไปถึงบุคลากรผู้เกี่ยวข้องทุกคน
"การทดลองผลึกเหลว (Liquid Crystal) ในอวกาศของโครงการนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยีสูงกว่าที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น จอภาพ LCD และอุปกรณ์ชีวการแพทย์ ซึ่งสามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพในหลากหลายอุตสาหกรรม นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังเป็นแรงบันดาลใจสำหรับเยาวชนในประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีส่วนร่วมในโครงการสำคัญเพื่อการพัฒนาด้านอวกาศของมวลมนุษยชาติ” น.ส.ศุภมาส กล่าว
ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้กล่าวถึงโครงการ TLC นี้ซึ่งมีที่มาจาก MOU ระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และองค์การ NASA ที่ลงนามไปเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 เพื่อการศึกษาผลึกเหลวในอวกาศว่า จากโครงการนี้จะเป็นตัวอย่างให้ประชาชน เยาวชน นักวิทยาศาสตร์ได้มองให้ไกลขึ้นจากพื้นโลก มองไกลไปถึงนอกโลก เด็ก ๆ รุ่นใหม่จะได้ประโยชน์มากจากการทำวิจัยด้านอวกาศ ประเทศไทยเองมีนโยบายที่ชัดเจนโดยเฉพาะรัฐบาลไทยให้ความสำคัญด้านนี้มาก โครงการนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้นักวิจัยเริ่มการวิจัยขั้นสูงไปยังนอกโลกมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยในอดีตเรายังมีน้อย มี GISTDA แห่งเดียวที่พยายามพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ ข้อดีของโครงการนี้คือประชาชนเยาวชนได้เห็นตัวอย่างในการมองให้ลึกขึ้นจากเดิมอยู่แต่ในโลกก็มองไปนอกโลกด้วย
ด้าน Mr. Robert Hampton, ISS payload operation Director ได้พูดถึงโปรแกรมของ ISS ที่เปิดโอกาสให้นักวิจัยไทยสามารถทำงานร่วมกับ implementation partner ภาคเอกชนในกำกับของ NASA เพื่อพัฒนาโครงการวิจัยโดยการสร้างสมมติฐานทางวิทยาศาสตร์ สร้างกระบวนการการวิจัย กระบวนการทดสอบความปลอดภัยในอวกาศร่วมกันเพื่อยื่นข้อเสนอโครงการไปยังห้องปฏิบัติการแห่งชาติสหรัฐอเมริกาบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS U.S. National Laboratory)ได้ มิสเตอร์โรเบิร์ตได้กล่าวแสดงความประทับใจมากที่เห็นว่าโครงการ TLC ดำเนินการมาได้ไกลมากนับจากวันที่ลงนาม MOU ระหว่าง NASA และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับโครงการนี้ ดีใจมากที่เห็นการสนับสนุนจากบพค. จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และจาก GISTDA ที่ร่วมกันสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง มิสเตอร์โรเบิร์ตยังพูดถึงนิสิตนักศึกษา นักวิจัย และวิศวกรในโครงการ TLC ว่ามีความสามารถสูงและสามารถสร้างเพย์โหลดได้ก้าวหน้าไปกว่าแผนงานที่วางไว้ซึ่งเมื่อเพย์โหลดนี้ขึ้นสู่โอกาสในปีหน้านี้การทดลองแรกนี้โดยคนไทยจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยอย่างแท้จริง
โครงการ Thailand Liquid Crystals in Space (TLC) นี้มีที่มาจากบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างองค์การ NASA โดย Dr. Meredith M. Mckay, Director of Human Exploration and Operations Division และอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ ซึ่งได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจนี้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2564 เพื่อให้ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) นำโดยรศ.ดร.ณัฐพร ฉัตรแถม จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เข้าร่วมในการศึกษาผลึกเหลวบนสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station, ISS) โดย MOU นี้เป็น MOU แรกระหว่าง NASA และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับการทดลองอวกาศ
การทดลองผลึกเหลว (Liquid Crystal) ในอวกาศนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยี Liquid Crystal Display (LCD) ขั้นสูงกว่าที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน LCD ใช้เป็นหน้าจอ โทรศัพท์มือถือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประชากรของประเทศไทยในทุกๆระดับชั้น อุตสาหกรรมผลิตจอภาพ LCD ในปัจจุบันนี้มีมูลค่าประมาณ 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และมีแนวโน้มจะโตถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีพ.ศ. 2572 ดัง ซึ่งนับเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประชากรโลกทุกระดับชั้น ในการทำการทดลองผลึกเหลวในอวกาศนั้นจะกำจัดผลของแรงโน้มถ่วงของโลกไปได้ ซึ่งจะลดปริมาณจุดบกพร่องภายในผลึกเหลวลงไปได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นผลึกเหลวในอวกาศจะตอบสนองต่อสนามไฟฟ้าได้ดี การพัฒนานี้จะทำให้ได้หน้าจอ LCD ที่มีความเร็วสูง ใช้ปริมาณไฟต่ำ และมีความคมชัดดีเยี่ยม ซึ่งสามารถพัฒนาต่อยอดให้สามารถสร้างบนพื้นโลกในสภาวะใกล้เคียงกับอวกาศได้ในอนาคต นอกจากนี้ NASA มีแผนที่จะนำเทคโนโลยี LCD นี้ไปใช้กับ helmet ของชุดนักบินอวกาศ และพัฒนาเทคโนโลยีนี้เป็นกระจกอัจฉริยะไปใช้กับหน้าต่างของกระสวยอวกาศที่สามารถทนความร้อนและรังสีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง