รายงานพิเศษ: ปารีสสุดสมาร์ท เมื่อทั้งเมืองคือเวทีแสดง “โอลิมปิก 2024”

Games Wide Open 

“เกมส์ที่เปิดกว้าง” กระทั่งพิธีเปิดก็เปิดกว้างสุดจะบรรยาย ด้วยการวางสเปซหลุดกรอบเดิมๆ  ที่จัดแต่ในสนามกีฬา ปารีส 2024 จัดเต็มตั้งแต่การใช้แม่น้ำแซนล่องเรือพาเหรดทัพนักกีฬา การใช้ทุกแลนด์มาร์คของกรุงปารีสมาประกอบแสง สี เสียงและรูปแบบศิลปะละครเวทีที่สุดแสนจะตราตรึง เพราะมันคือการออกแบบวางให้เมืองทั้งเมืองเป็นเวทีการแสดงศิลปะ ดนตรี และวัฒนธรรมแบบหลากหลายมิติ โดยไม่ได้ชูแค่เรื่องของกีฬา...

 

 

มากกว่านั้นคือพิธีเปิดโอลิมปิกที่บอกเล่าเรื่องราวและแสดงตัวตนของชาติที่มี "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ" มีความพิเศษน่าจดจำในเรื่องราวตลอดพิธีกว่าสามชั่วโมง ตั้งแต่การใช้แม่น้ำปูทางลำนำสตอรี่ แทนทางเดินเข้า หรือสนามกีฬา สร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของการใช้สเปซ ที่ไม่จำกัดแค่เวที หรือจะการแสดงด้วยแนวคิด art street ตอกย้ำปารีสเมืองแห่งศิลปะในทุกซอกมุมทุกอณูเมืองและทุกมิติชีวิตชีวาของชาวฝรั่งเศส

 

มีตัวละคร คนดัง สถานที่ บุคคลที่มีความสำคัญปรากฏมากมายหลายแวดวง ทั้งในลำนำประวัติศาสตร์และวรรณกรรม ที่เราต่างคุ้นเคยกันดี ทั้งพระนางมารี อ็องตัวแน็ต  ปีศาจแห่งโรงอุปรากร  (Phantom of the Opera) คนค่อมแห่งนอเทรอดาม ซีดาน เลดี้ กาก้า สนูป ด็อกก์! ไปจนถึง โมนาลิซ่า สัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ที่ทุกคนทั่วทั้งโลกต่างก็อยากเห็นเธอสักครั้ง 

 

 

และแน่นอนว่า ทุกแลนด์มาร์คที่มีความหมายและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ต่อคนฝรั่งเศส ถูกนำมาใช้และ “ขายได้” ทุกแลนด์มาร์คที่มีในกรุงปารีส เพราะนี่คือการใช้เมืองทั้งเมืองจัดพิธีเปิด 

 

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะจัดขึ้นจนถึงวันที่ 11 สิงหาคม โดยจะจัดการแข่งขันในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ลา คองคอร์ด ซึ่งเป็นจัตุรัสสาธารณะสำคัญของเมือง โปรแกรมการแข่งขันมี 329 รายการใน 32 ประเภทกีฬา นักกีฬาประมาณ 11,000 คนจากประมาณ 200 ประเทศและดินแดนจะเข้าร่วมการแข่งขัน โดย 5,700 คนจะเข้าแข่งขันในประเภทชาย และประมาณ 5,500 คนจะเข้าแข่งขันในประเภทหญิง

 

รายงานข่าวจากทุกมุมที่น่าสนใจจึงต่างพากันโฟกัสมาที่มหานครแห่งศิลปะ วัฒนธรรม แฟชั่นและประวัติศาสตร์แห่งนี้ ไม่ต้องพูดถึง พิธีเปิดที่ตราตรึงใจผู้คนไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งภาพ แสงสี และความคิดสร้างสรรค์ สมกับเป็น “ปารีส”

 

CNN รายงานอย่างเร้าใจว่า “มันเปียกก็จริง ทว่าบางส่วนก็แปลก งานส่วนใหญ่สวยงาม และทั้งหมดก็น่าจดจำมาก” ด้วยพิธีเปิดที่ไม่เหมือนใคร สมเป็นปารี๊สปารีสในใจของใครหลายคนทั่วทั้งโลก แม้ว่าจะเจอกับสายฝนที่พยายามขโมยซีนการแสดงตลอดค่ำ มีโชว์ของ Celine Dion ที่กลับมาขึ้นเวทีอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ หลังหายจาก "โรคคนแข็ง" ในแฟชั่นสุดอลังและเสียงทรงพลังไม่มีตก ทั้งจากปาร์ตี้ค่ำคืนวันศุกร์ของมหานครปารีส และการจัดแสงที่งดงามตระการตาสุดๆ สมกับฉายา "เมืองแห่งแสงสว่าง"

 

 

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2024 เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในคืนวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคมของมหานครปารีส และจะเป็นงานที่จะคงอยู่ในตำนานโอลิมปิกอย่างแท้จริง แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ในแบบที่ผู้จัดงานปารีส 2024 คาดหวังก็ตาม CNN จับประเด็นสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2024 ไว้ดังนี้

 

Paris shows off - ปารีสสตอรี่

ปารีสสำแดง "ตัวตนในศตวรรษนี้" ออกมาแล้ว แม้ไม่ใช่ค่ำคืนที่ผู้จัดงาน Paris 2024 คาดหวังไว้จากสายฝนที่โปรยปรายไม่รู้งาน แต่โอกาสในการนำเมืองแห่งแสงสว่างมาจัดแสดงอย่างเต็มรูปแบบก็ได้รับโอกาสอันดีในวันศุกร์ เรือที่ลอยอยู่บนแม่น้ำแซนทำให้เกิดฉากอันสุดจะบรรยายของชาวปารีสในขณะที่แล่นผ่านสถานที่สำคัญที่มีเรื่องราวมากมายระหว่างการเดินทางไปยังจุดสิ้นสุดของขบวนพาเหรดแห่งชาติที่ จตุรัส Trocadero (ทรอกาเดโร) โดยมีหอไอเฟลประดับด้วยวงแหวนโอลิมปิกเป็นฉากหลัง 

 

 

สถานที่สำคัญอันโด่งดังแห่งนี้สว่างไสวด้วยรัศมีภาพอันรุ่งโรจน์ พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของการแสดง รวมถึงวิดีโอของผู้ถือคบเพลิงที่วิ่งไปทั่วหลังคาเมืองและผ่านสถานที่อันเป็นเอกลักษณ์ต่างๆ ของปารีส แม้ว่าช่วงแรกของพิธีจะสลับไปมาระหว่างวิดีโอที่บันทึกไว้และภาพถ่ายเมืองแบบสด ๆ แต่กลับได้รับความสนใจมากขึ้น เมื่อความสนใจของผู้คนไปจับที่ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของปารีส ทั้งลำนำแห่งการปฏิวัติฝรั่งเศสที่ฉายออกมาผ่านการแสดงอันบรรเจิดและสร้างสรรค์ไม่มีใครเหมือนของผู้คนในยุคนี้

 

รวมไปถึงการแสดงสุดมันส์ของวงเฮฟวีเมทัล Gojira ใน Conciergerie - กงซีแยร์เฌอรี คุกหลวงอดีตที่คุมขังพระนางมารี อ็องตัวแน็ต อนุสรณ์สถานที่สำคัญอีกแห่งในกรุงปารีส ที่มีการแสดงภาพของพระนางมารี อ็องตัวแน็ตในลุคสุดสะพรึงตามช่องหน้าต่างของคุก (แบบไม่มีศีรษะบนร่างแต่วางอยู่บนตัก ประกอบแสงเรืองรองสีแดงสุดสยอง!) มีแฟชั่นโชว์บนแคทวอล์คที่พาดผ่านแม่น้ำ และไม่ต้องพูดถึงเลดี้ กาก้าที่มาร่วมแสดงความเคารพต่อวัฒนธรรมคาบาเร่ต์ของเมืองริมฝั่งแม่น้ำแซนแห่งนี้ด้วย

 

 

เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน นครแห่งแสงไฟ (La Ville Lumière) ก็ส่องประกายผ่านเม็ดฝน คบเพลิงโอลิมปิกวิ่งผ่านแม่น้ำแซนที่ส่องสว่างและรอบๆ ทิวทัศน์อันงดงามด้านนอกพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ไปจนถึงการแสดงแสงสีบนหอไอเฟลสุดอลังการด้วยแสงเลเซอร์ที่ยิงผ่านเมฆและฝน

 

ปารีสเป็นที่รู้จักในฐานะ "เมืองแห่งแสงไฟ" เนื่องจากเป็นหนึ่งในเมืองแรกๆ ของโลกที่ใช้ไฟฟ้าเพื่อส่องสว่างถนน

 

แม้ฝนจะพยายามขโมยซีนการแสดง ตั้งแต่คำเตือนในเช้าวันศุกร์และกระหน่ำเกือบตลอดบ่าย แต่ในที่สุดท้องฟ้าสีเทาของปารีสก็เปิดขึ้นประมาณ 30 นาทีในการแสดงความยาวสามชั่วโมงครึ่ง 

 

 

กระทั่งอาจนำไปสู่สถิติการเป็นพิธีเปิดที่เปียกโชกที่สุดในประวัติศาสตร์ของโอลิมปิกสมัยใหม่ ผู้ชมหลายแสนคนยืนเรียงรายริมฝั่งแม่น้ำแซน สวมเสื้อปอนโชและเสื้อกันฝน แต่หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงของความเปียกปอน สายฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างจริงจังจนผู้คนหดหาย บนอัฒจรรย์ในตอนท้ายของขบวนพาเหรดแห่งชาติ ผู้ชมต่างวิ่งออกไปหาเต็นท์และพื้นที่ในร่มอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง

 

มีรายงานว่า ฝนตกส่งผลให้การแสดงที่มีนักเต้นเคลื่อนไหวไม่สะดวกนักจนมองเห็นว่าลื่นไถลบ้างเล็กน้อย ส่วนเรือบางลำที่บรรทุกคณะนักกีฬากลุ่มเล็กๆ ก็ดูเหมือนจะถูกซัดไปในคลื่นของแม่น้ำแซน

 

 

แต่จิตวิญญาณแห่งโอลิมปิกก็ไม่เหี่ยวเฉาท่ามกลางสายฝน นักกีฬาที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนก่อนที่พวกเขาจะลงแข่งขันในรายการที่สำคัญที่สุดในชีวิตนั้นดูตื่นเต้นเกินกว่าจะโบกมือให้ฝูงชน และฝรั่งเศสก็ดูเหมือนจะยินดีกับการแข่งขันนี้จริงๆ แม้ว่าชาวปารีสส่วนใหญ่จะพากันหนีออกจากเมืองเพื่อหนีผู้คนนับล้านที่มาดูการแข่งขัน

 

นอกจากนี้ยังมีการแสดงเพลงชาติของประเทศเจ้าภาพอย่าง “La Marseillaise” - ลามาร์แซแยซ จากยอด Grand Palais (กร็องปาแล) สิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของกรุงปารีส และยังเป็นสถานที่ใช้จัดนิทรรศการด้วย ก็ได้ทำให้จิตวิญญาณชาวฝรั่งเศสพุ่งทะยานขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

 

การร่ายเพลง “Imagine” ของจอห์น เลนนอนบรรเลงร่วมกับเปียโนที่กำลังลุกไหม้บนเวทีที่ลอยอยู่ในแม่น้ำแซน ในโชว์ "เปลวเพลิงบนเปียโน" ก็เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำอย่างแท้จริง และในขณะที่อาสาสมัครถือธงของประเทศต่างๆ ขึ้นสู่ Trocadero (ทรอกาเดโร) คนขี่ม้าเหล็ก (คอนเส็ปต์โยน ออฟ อาร์ค) ก็ควบม้าร่อนลงมาตามแม่น้ำแซน โดยมีธงโอลิมปิกเป็นเสื้อคลุม เปิดทางสู่คนรุ่นนี้อย่างเป็นทางการ

 

 

หลังจากพิธีอันยาวนานพาเราไปรู้จักกับความเป็นฝรั่งเศสในแง่มุมต่างๆ ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม ผู้คนและประวัติศาสตร์ ทั้งหมดก็ไปจบที่กระถางคบเพลิงที่ตั้งอยู่ที่ สวนสาธารณะตุยล์รีส์ (Jardin des Tuileries) ที่มีตำแหน่งอยู่ในแนวเดียวกับพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Musée du Louvre)

 

สำหรับทัพนักกีฬาไทยกว่า 51 ชีวิต สวมชุดกีฬาทีมชาติไทย โดยมีบิว ภูริพล บุญสอน นักกีฬากรีฑาและน้องเอสที วารีรยา สุขเกษม นักกีฬาสเกตบอร์ด วัยเพียง 12 ปี เป็นตัวแทนถือธงชาติไทยผ่านแม่น้ำแซน

 

 

Marie-Jose Perec อดีตผู้ถือคบเพลิงชาวฝรั่งเศส และเท็ดดี้ ไรเนอร์ นักยูโดชาวฝรั่งเศส เดินทางมาเพื่อจุดคบเพลิงโอลิมปิกระหว่างพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส 2024 

ร่วมกับนักกีฬาชาวฝรั่งเศสและนักกีฬาโอลิมปิกที่มีชื่อเสียงหลายคนทั้งในปัจจุบันและในอดีต รวมถึงซีเนอดีน ซีดาน, ราฟาเอล นาดาล (ผู้ถือคบเพลิงบนเรือล่องแม่น้ำแซน), เซเรนา วิลเลียมส์ (เคียงข้างนาดาล), คาร์ล ลูอิส และ โทนี่ ปาร์คเกอร์. และเมื่อผู้ถือคบเพลิงคนสุดท้าย เท็ดดี้ ไรเนอร์ และนักวิ่งระยะสั้น 400 เมตร Marie-José Pérec จุดไฟกระถางคบเพลิงโอลิมปิกซึ่งติดอยู่กับบอลลูนขนาดยักษ์ ก่อนที่มันจะลอยขึ้นเหนือทิวทัศน์อันน่าทึ่งของกรุงปารีส…