สหรัฐฯ แบน TikTok กระทบเสรีภาพและความฝันแบบอเมริกันชน?
จากประเด็นด้านมนุษยธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สู่การแบนแอปฯ จากจีน ด้าน "TikTok" หวั่นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนถูกริดรอน หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติแบน หาก ByteDance บริษัทแม่ไม่ขายหุ้นที่ถืออยู่ภายในระยะเวลา 1 ปี
สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ ได้ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายแบนแอปพลิเคชัน TikTok ในอเมริกาเมื่อวันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2024 ด้วยคะแนน 360 ต่อ 58 เสียง ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการส่งต่อไปยังวุฒิสภา โดยคาดว่าจะมีการลงมติในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยกล่าวว่า ตัวเขาจะลงนามในร่างกฎหมายที่มีความเกี่ยวข้อง TikTok
การลงมติในร่างกฎหมายแบนแอปพลิเคชัน TikTok ในสหรัฐฯ ถือเป็นส่วนหนึ่งของร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ที่สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐเสนอขึ้นพร้อมๆกับ ร่างกฎหมายเพื่อช่วยเหลือยูเครน อิสราเอล และภูมิภาคอินโดแปซิฟิก (INDO-PACIFIC AID BILL) โดยจะจัดสรรเงินทุน 8.12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่กำลังเสริมแกร่งสร้างแสนยานุภาพทางทหารในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
นอกจากนี้ จะมีการจัดสรรเงินประมาณ 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเรือดำน้ำ รวมถึงให้ทุนสนับสนุนทางทหารแก่ประเทศพันธมิตรในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกอย่างไต้หวัน เพื่อให้ประเทศเหล่านั้นพร้อมตั้งรับภัยคุกคามจากจีน
สมาชิกจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต รวมถึงคนในรัฐบาลของไบเดน ต่างกังวลว่า TikTok ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ เนื่องจากข้อมูลของผู้ใช้ชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคนอาจถูกละเมิดและส่งต่อไปยังประเทศจีน
TikTok ยังเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยระหว่างไบเดนกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในช่วงต้นเดือนนี้ โดยไบเดนได้แสดงความกังวลเป็นอย่างมากต่อแอปพลิเคชันดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางฝั่ง TikTok ได้ออกแถลงการณ์โต้ว่า "นับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐ ใช้ประเด็นด้านมนุษยธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นข้ออ้างในการผลักดันร่างกฎหมายเพื่อแบน TikTok อีกครั้ง ซึ่งการกระทำในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในการพูดและแสดงออกของชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคน"
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา TikTok เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายฉบับแรกที่ติดอยู่ที่วุฒิสภา โดยระบุว่า มันจะ “ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของชาวอเมริกันหลายล้านคน” เช่นเดียวกับกรณีที่รัฐมอนแทนาออกกฎหมายห้ามใช้ TikTok ในปีที่แล้ว ซึ่งทาง TikTok ก็มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิตามบทบัญญัติที่หนึ่งของรัฐธรรมนูญ (First Amendment) ด้วยเช่นกัน
ที่ผ่านมา ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ TikTok เคยวิจารณ์ร่างกฎหมายฉบับแรกที่ยังติดอยู่กับวุฒิสภาว่า เป็นร่างกฎหมายซึ่งจะปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของชาวอเมริกันหลายล้านคน เช่นเดียวกับกรณีที่รัฐมอนแทนาออกกฎหมายห้ามใช้ TikTok ในปีที่แล้ว ซึ่งทาง TikTok ก็มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิการแสดงออกขั้นพื้นฐานตามบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 (First Amendment) ซึ่งระบุว่า สภาต้องไม่ผ่านร่างกฎหมายใดๆ ที่จะลดทอนเสรีภาพในการพูดของประชาชน และต้องปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างสันติ
ทั้งนี้ บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 (First Amendment) นับเป็นหัวใจหลักของสังคมแห่งเสรีภาพ ที่ประชาชนมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นต่อกลไกการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเป็นอิสระและเปิดเผย
ทางด้าน สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberties Union) ได้ออกมาคัดค้านร่างดังกล่าวเช่นกัน ขณะที่ทาง TikTok ยืนยันว่า บริษัทไม่เคยละเมิดข้อมูลใดๆ ของผู้ใช้ในสหรัฐฯ
ฝั่งวุฒิสภาสมาชิกพรรคเดโมแครต มาร์ค วอร์เนอร์ให้ความเห็นว่า รัฐบาลจีนอาจใช้ TikTok เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ โดยชี้ให้เห็นว่ากลุ่มเยาวชนและคนรุ่นใหม่จำนวนมาก ใช้ TikTok เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสาร ซึ่งนับเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ที่จะยอมให้พรรคคอมมิวนิสต์มีเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อมากมายขนาดนี้ รวมถึงความสามารถในการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน 170 ล้านคน
สถาบัน Knight First Amendment Institute แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งเป็นสถาบันทางวิชาการด้านกฎหมายที่สนับสนุนเรื่องเสรีภาพในการแสดงออกและสนับสนุนการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี ให้ความเห็นต่อร่างกฎหมายดังกล่าวว่า ไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรมากนัก เนื่องจากจีนและประเทศคู่แข่งอื่นๆ ของสหรัฐฯ ยังสามารถซื้อข้อมูลของชาวอเมริกันจากนายหน้าในตลาดเปิดได้ นอกจากนี้ ข่าวปลอมต่างๆจากแผ่นดินใหญ่ยังสามารถเล็ดลอดออกมาได้อยู่ดี ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ
ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนได้แสดงความกังวลต่อเสรีภาพในการแสดงออกเช่นกัน โดยพวกเขาเสนอให้ออกกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มงวดกว่าเดิมแทนการแบนแอปพลิเคชัน TikTok ไปอย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 13 มีนาคม โดยให้เวลา ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ขายหุ้นและกิจการทั้งหมดออกไปจากสหรัฐฯ ภายในระยะเวลา 6 เดือน มิเช่นนั้นตัวแอปพลิเคชันจะถูกแบนเป็นการถาวร อย่างไรก็ตาม จากร่างกฎหมายฉบับล่าสุดได้ยืดระยะเวลาสำหรับการขายหุ้นของ ByteDance ออกไปอีก 9 เดือน โดยสามารถขยายเวลาเพิ่มออกไปได้อีก 3 เดือน หากประธานาธิบดีเห็นว่าเริ่มมีการดำเนินงานเพื่อขายกิจการไปบ้างแล้ว