บทบาทของ CEO ในยุคดิจิทัล ทักษะที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้

ผลการศึกษาล่าสุดจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ชี้ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) แม้จะทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่ามนุษย์ในหลายสถานการณ์ เช่น การทำกำไร, การออกแบบผลิตภัณฑ์, การบริหารสต็อกสินค้า และการกำหนดราคาที่เหมาะสม  

แต่หนึ่งในจุดอ่อนที่ AI ไม่สามารถรับมือได้คือเหตุการณ์แบบ “Black Swan” หรือ “หงส์ดำ” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดและเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง เช่น สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  

ในแง่ของการบริหารธุรกิจจริง เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น ผู้มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจขององค์กรต่างๆคือ CEO ดังนั้น ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์จึงชี้ว่า ตำแหน่ง CEO ถือเป็นตำแหน่งที่จะไม่ถูก AI แทนที่ เนื่องจากมีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ดีกว่า AI

“AI ไม่สามารถอยู่รอดได้ในระดับผู้บริหาร เพราะเทคโนโลยีนี้ไม่ได้เชี่ยวชาญต่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆก็ตามที่ต้องใช้วิธีคิดแบบใหม่” -Hamza Mudassir หนึ่งในนักวิจัยผู้อยู่เบื้องหลังการทดลอง 

ทีมวิจัยได้ดำเนินการศึกษาทดลองโครงการนี้มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงกรกฎาคม โดยมีผู้เข้าร่วม 344 คน ซึ่งบางส่วนเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารในเอเชียใต้ บางส่วนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย และผู้เข้าร่วมคนสุดท้ายไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็น GPT-4 แบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (LLM) จาก OpenAI

ผู้เข้าร่วมในการศึกษาครั้งนี้ ต้องเล่นเกมจำลองสถานการณ์จริงที่ CEO ต้องตัดสินใจ โดยสวมบทบาทเป็น CEO ของบริษัทรถยนต์ ขณะที่เป้าหมายของเกมนี้ คือ ทำให้บริษัทมีมูลค่าตลาดสูงสุด อยู่รอดให้นานที่สุดโดยไม่ถูกไล่ออกจากคณะกรรมการบริหารที่จำลองขึ้น 

ซึ่งผลปรากฏว่า AI เก่งในการวิเคราะห์ข้อมูล, การค้นหาแนวโน้ม และการสรุปผล   เช่น เมื่อต้องออกแบบรถยนต์ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ อะไหล่ที่พร้อมใช้งาน ราคา และความต้องการของลูกค้า  AI สามารถออกแบบรถให้ตอบโจทย์ได้ดีกว่ามนุษย์ 

อย่างไรก็ตาม  AI ไม่สามารถรับมือกับ "เหตุการณ์ไม่คาดคิด" ที่เกิดขึ้นแบบกระท้นหันได้เช่น เมื่อมีการนำสถานการณ์โควิดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเกม AI ไม่สามารถวางแผนหาวิธีรับมือได้ดีเท่ากับมนุษย์