posttoday

สสว.เผยหนี้ SME ไตรมาส 2 พุ่ง พบกู้นอกระบบ 51%

02 สิงหาคม 2567

สสว. เผยหนี้สิน SME ไตรมาส 2/2567 เพิ่ม ส่วนใหญ่ ภาคบริการและธุรกิจการเกษตร สำหรับหมุนเวียนในกิจการ พบ 51% กู้นอกระบบ

นางสาวปณิตา  ชินวัตร  รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจสถานการณ์ด้านหนี้สินกิจการของ SME ไตรมาส 2 ปี 2567 พบ  ผู้ประกอบการ SME ที่มีภาระหนี้สินมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย มาอยู่ที่ร้อยละ 64.3 จากร้อยละ 63.9 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการและธุรกิจการเกษตร ร้อยละ 90.9 กู้เพื่อใช้หมุนเวียนในกิจการ แต่มีแนวโน้มกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้สินเดิมมากถึงร้อยละ 5.1 เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงการสร้างวงจรกู้หนี้ใหม่ไปใช้หนี้เก่า ที่อาจต้องเผชิญภาวะดอกเบี้ยสูงขึ้น อีกทั้งไม่ได้ก่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มในระบบ

ธุรกิจรายย่อยมีสัดส่วนการกู้เงินจากแหล่งเงินทุนนอกระบบมากถึงร้อยละ 51.0 ส่วนใหญ่เป็นการกู้ยืมจากเพื่อน/ญาติพี่น้อง และยังพบว่า SME กว่าร้อยละ 21.3 มีสัดส่วนการเป็นหนี้จากแหล่งเงินทุนทั้งในระบบและนอกระบบเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า  รวมถึงสัดส่วนการเป็นหนี้จากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดซึ่งเป็นแหล่งเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง

สสว.เผยหนี้ SME ไตรมาส 2 พุ่ง พบกู้นอกระบบ  51%

SME ที่มีการกู้ยืมเงินร้อยละ 24.7 มีแนวโน้มที่การขอยื่นกู้ไม่ผ่านเพิ่มมากขึ้นเพราะกำลังเผชิญกับปัญหาการชำระหนี้ทั้งการชำระล่าช้าหรือชำระได้ไม่เต็มจำนวนส่งผลต่อประวัติเครดิตของ SME ทำให้ลดโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อต่อไป เช่น SME สาขาโรงแรม/เกสต์เฮาส์/บังกะโล สาขาขนส่งมวลชน (ไม่ประจำทาง) และสาขาที่เกี่ยวข้องกับบริการท่องเที่ยว มีสาเหตุจากธุรกิจอยู่ในช่วงชะลอตัวตามฤดูกาล อีกทั้งการประเมินปล่อยสินเชื่อไม่ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ รวมถึงระยะเวลาสัญญาสินเชื่อที่ได้รับสั้นเกินไป 

อุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงสินเชื่อหรือแหล่งเงินทุนคือคุณสมบัติที่ไม่ผ่านเงื่อนไข ควรช่วยผ่อนคลายภาระในการชำระหนี้ ช่วยเหลือในการแก้ไขหนี้นอกระบบ ออกสินเชื่อที่มีรูปแบบระยะเวลาสัญญายาวนานขึ้น