posttoday

กระทรวงอุตฯ เติมกองทุนSME เดินหน้า 2 โครงการ 10 ล้านบาท

28 ตุลาคม 2567

กระทรวงอุตสาหกรรม เติมกองทุนพัฒนา SME อัดฉีด 10 ล้านบาท เดินหน้า 2 โครงการสำคัญ มุ่งพัฒนา SME ไทยกว่า 200 ราย สู่ยุคดิจิทัลและความยั่งยืน

          นางสาวณิรดา วิสุทธิชาติธาดา ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เปิดเผยว่า SME ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 35 ของ GDP ประเทศ และมีสัดส่วนการจ้างงานสูงถึงร้อยละ 72 แต่ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล SME ไทยต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวให้ทันต่อเทรนด์ การเข้าถึงแหล่งทุน และการพัฒนาธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

          กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การนำของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนา SME ไทย จึงได้ประกาศเดินหน้า 2 โครงการผ่านกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ที่มีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐกำกับดูแล โดยทุ่มงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท เพื่อผลักดัน SME ไทย กว่า 200 ราย ให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัลและความยั่งยืน 

          เป้าหมายหลักคือ การเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และรักษาสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย โครงการแรก “พัฒนาธุรกิจด้วยดิจิทัลสู่การเปลี่ยนแปลงวิถีใหม่ (Digital Transformation)” มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทางธุรกิจ ตั้งเป้าหมายช่วยเหลือ SME 100 ราย ในสาขาอุตสาหกรรม S-Curve ดิจิทัล เกษตรแปรรูป อาหารแปรรูป แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยมีกิจกรรมหลัก ได้แก่  

กระทรวงอุตฯ เติมกองทุนSME เดินหน้า 2 โครงการ 10 ล้านบาท นางสาวณิรดา วิสุทธิชาติธาดา ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

          1.ให้คำปรึกษาเชิงลึก แนะนำการปรับปรุงและเตรียมความพร้อมก่อนนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อเพิ่มรายได้หรือลดต้นทุน 

          2.สนับสนุนด้านเงินทุน ให้คำปรึกษาเพื่อยื่นขอสินเชื่อจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ หรือแหล่งเงินทุนอื่นๆ 

          3.พัฒนาบุคลากร จัดฝึกอบรมให้ความรู้เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับ Digital Transformation โดยโครงการนี้คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมกว่า 54 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนความคุ้มค่าต่อต้นทุน (Cost Benefit Ratio) ถึง 8.4 เท่า 

โครงการนี้ใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท ดำเนินการทั่วประเทศ ตั้งแต่ ต.ค. 67 – มี.ค. 68

          โครงการที่ 2 คือ โครงการ“ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตอย่างยั่งยืน (Sustainable Productivity)” มุ่งเน้นปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยตั้งเป้าหมายช่วยเหลือ SME 100 ราย ในสาขาอุตสาหกรรม S-Curve ดิจิทัล เกษตรแปรรูป อาหารแปรรูป แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีการใช้พลังงานสูง โดยมีกิจกรรมหลัก 4 ด้าน คือ 

          1.ให้คำปรึกษาเชิงลึก แนะนำการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ยั่งยืน 2.สนับสนุนด้านเงินทุน ช่วยเหลือ SME ให้เข้าถึงสินเชื่อ 3.พัฒนาบุคลากร อบรมพนักงานในสถานประกอบการ และ 4.พัฒนาเจ้าหน้าที่ อบรมเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ให้เป็น Green Productivity Specialist 

          โครงการนี้ใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท ดำเนินการทั่วประเทศ ตั้งแต่ ต.ค. 67 – มี.ค. 68

          คาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่าย ด้านพลังงานและทรัพยากร เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสทางการค้า คิดเป็นอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน (Benefit to Cost Ratio) 1.6 เท่า คาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและทรัพยากร ได้ 5,000,000 บาท เพิ่มรายได้และส่วนแบ่งการตลาด 2,000,000 บาท ขยายโอกาสการค้าและการส่งออก 1,000,000 บาท