posttoday

ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอี เสนอการทูตไทย-สหรัฐฯ ทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น

27 มกราคม 2568

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย แนะการทูตไทย-สหรัฐ ต้องทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น หวั่นซ้ำอดีตที่ทรัมป์เคยตัดสิทธิ์ GSP ไทย ขณะที่เอสเอ็มอีก็ต้องปรับตัว ESG ก็ยังต้องเดินหน้า

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า ณ เวลานี้ทั่วโลกต่างติดตามนโยบายทรัมป์ 2.0 ของโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนโยบายด้านการค้าขาย โดยทรัมป์เน้นให้ความสำคัญกับหลักการ “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) เป็นหลัก ซึ่งหมายความว่า จะควบคุมดีมานด์สินค้าเทคโนโลยี AI ดิจิทัลต่าง ๆ รวมถึงพลังงานใหม่ๆ ตลอดจนเข้มงวดการลงทุนของต่างชาติในสหรัฐมากขึ้น ทั้งยังเกี่ยวข้องกับมาตรการภาษี 

คำถามคือจะส่งผลกระทบกับไทยอย่างไรบ้าง?

ในส่วนของโยบายการค้าจะกระทบกับกิจการทุกขนาด เพราะมี SME จำนวนมากอยู่ในซัพพลายเชนของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องการกีดกันทางการค้า และความตรึงเครียดระหว่างจีน สหรัฐ อย่างก่อนหน้านี้ สหรัฐตั้งกำแพงภาษี EV ส่วนจีนก็โต้ตอบลดการนำเข้าสินค้าจากอเมริกา เป็นแอคชั่นกลับ ซึ่งบรรยากาศลักษณะนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลก

อีกทั้งแนวโน้มสินค้าจีนจะถูกเก็บภาษีถึงเกือบ 60% ซึ่งหมายความว่าอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอาจสูงกว่า 60% ทำให้ไทยอาจกระทบจากส่วนนี้ราว ๆ 10% กดดันให้ประเทศเกินดุลย์การค้ากับอเมริกา จะเห็นว่านโยบายกีดกันการค้าจะเข้มงวดมากกว่านโยบายทรัมป์ 1.0 
 

กลับมาที่ประเทศไทย ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นข้อมูลที่เราต้องติดตาม โดยเฉพาะภาคส่งออกซึ่งสหรัฐ ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของไทยอันดับ 3 สิ่งที่ต้องเตรียมรับมือคือเข้มงวดมาตรฐานความปลอดภัย เรื่องเทคโนโลยี ความโปร่งใส่ของซัพพลายเชน

ในขณะที่เรื่อง ESG ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ถึงแม้ว่านโยบายสหรัฐดูเหมือนไม่ให้ความสำคัญด้านโลกร้อนและความยั่งยืนมากเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ยังเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ ธุรกิจไทยต้องเดินหน้าเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง 

“ผมมองว่าการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และการทูต ไทย-สหรัฐ ต้องใกล้ชิดกันมากกว่านี้ การตอบโต้กันไปมาไม่ได้ส่งผลดี ต้องมีความเข้าใจบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่ผันผวน หากย้อนไปในอดีตนโยบายทรัมป์ 1.0 เองก็เคยตัดสิทธิ์ GSP หรือตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลยกากรไทย ตอนนั้นน่าจะได้รับผลกระทบราว ๆ มูลค่าเกือบ 4 หมื่นล้านบาท”

สำหรับเรื่องของ ESG นายแสงชัยให้ข้อมูลว่า ประเด็นสำคัญที่สุด คือผู้ประกอบการต้องติดตามสถานการณ์โลก ต้องยกระดับความสามารถของแรงงาน พัฒนาธุรกิจ โดยเพิ่มอัพสกิลให้กับแรงงานทั้งในส่วนของดิจิทัล โซเชียลต่าง ๆ เพื่อให้เท่าทันกับการตลาดออนไลน์ เน้นใช้ทำประโยชน์ ส่วนผู้ประกอบการที่มีกำลังหน่อยอาจจะพิจารณานำเอาโรบอท แขนกล เข้ามาช่วยทุ่นแรง ซึ่งจะมีส่วนทำให้การทำธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องตรวจสอบ และให้ความสำคัญกับซัพพลลายเชนที่ถูกต้อง ซึ่งหมายถึงจริยธรรม 

ส่วนในมุมธุรกิจอื่น ๆ คือต้องบริหารหนี้สินให้ดี เพื่อให้ก่อรายได้ มีระบบวางแผนต้นทุนต่างๆ กำหนดราคา รวมถึงพัฒนาโปรดักส์สินค้าใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญคือต้องคอยติดตามสถานการณ์โลกด้วย