คนไทยในสหรัฐฯ แห่ตุนสินค้า หลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี ของแพงขึ้น
หลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% ร้านอาหารไทยเริ่มกักตุนวัตถุดิบสินค้า คนไทยในสหรัฐฯ เผยเริ่มเห็นภาพเศรษฐกิจถดถอย
หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภท โดยไทยโดนไป 36% ผลกระทบไม่ได้เกิดอยู่ที่ภาคธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนไทยในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านอาหารไทยที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากไทยเป็นหลัก
โพสต์ทูเดย์ได้พูดคุยกับ สุภกิจ ภัทรธีรานนท์ เจ้าของเพจ "ร้านเด็ด อเมริกา - Landed America" ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 5.4 แสนบัญชี และเป็นยูทูเบอร์ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ มากว่า 20 ปี
เขาเล่าว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะกับคนไทยในสหรัฐฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดดีนัก
"ก่อนหน้านี้ผมได้พูดคุยกับผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในหลายเมือง เช่น ลอสแอนเจลิส ชิคาโก ซานฟรานซิสโก ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจซบเซา คนใช้จ่ายน้อยลง ไม่ใช่แค่กับร้านอาหารไทย เพราะร้านอาหารท้องถิ่นที่เปิดมากว่า 30 ปียังต้องปิดตัวลง แม้แต่ร้านใหญ่อย่าง Starbucks ก็ยังได้รับผลกระทบจากเศรษญกิจ ตลอดจนปัญหาสังคมเรื่องของคนไร้บ้านที่เข้ามาก่อกวน" สุภกิจกล่าว
ซ้ำร้ายการขึ้นภาษีครั้งนี้ อาจกระทบราคาสินค้า วัตถุดิบที่นำเข้าจากไทยในราคาสูงขึ้น
สุภกิจเล่าว่า จากบรรยากาศในตลาดขายส่งของคนไทยที่ใหญ่ที่สุดในลอสแองเจอลิส เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา
คนไทยบางส่วนเริ่มมีความกังวลว่าสินค้า วัตถุดิบที่นำเข้าจากไทยจะปรับราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านอาหารไทยที่เริ่มทยอยตุนสินค้า เช่น ซีอิ๊ว น้ำปลา ข้าวสาร กระปิ น้ำปลา หน่อไม้ และเครื่องปรุงสำคัญอื่นๆ
“เจ้าของร้านอาหารจากหลายเมือง ตื่นตัว ไปจับจ่ายสินค้าเข้าร้านกันมากขึ้นเต็มคันรถ บิลละ 1000-2000 ดอลลาร์สหรัฐ (เงินไทยราว 30,000-70,000 บาท) ตามที่ผมสังเกต ราคาสินค้าไทยยังอยู่ในราคาเดิม แต่เริ่มมีการจำกัดจำนวนต่อลูกค้าหนึ่งคน คาดการณ์ว่าอีก 1 สัปดาห์ จะมีคนเข้าไปจับจ่ายกันมากขึ้นๆ และจบที่สินค้าที่มาใหม่ พร้อมราคาที่สูงขึ้น”
ทั้งนี้จากการที่เขาได้พูดคุยกับผู้ประกอบการร้านอาหารบางคนยังมองว่าต้องรอดูสถานการณ์เพราะถ้ากักตุนมากเกินไปก็อาจใช้ อาจทานไม่ทัน
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังซบเซา คนใช้จ่ายน้อยลง
สุภกิจยังชี้ให้เห็นว่า ร้านอาหารไทยเจอผลกระทบต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงโควิด แม้รัฐบาลที่นี่จะมีมาตรการช่วยเหลือ แต่หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ร้านอาหารกลับต้องเผชิญปัญหาใหม่ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ยุคของไบเดน ที่เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร คนเริ่มทานข้าวนอกบ้านน้อยลง ส่งผลให้ร้านอาหารต้องปรับลดต้นทุน บางร้านเลือกที่จะลดขนาดอาหาร (portion) หรือปรับราคาจาก 18 ดอลลาร์ (600 บาท) เหลือ 13-15 ดอลลาร์ (400-500 บาท) เพื่อดึงดูดลูกค้า
เริ่มเห็นภาพเศรษฐกิจถดถอย
หลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า สื่อกระแสหลักในสหรัฐฯ เริ่มพูดถึง “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย" กันมากขึ้น ก่อนหน้านี้เราไม่ได้ยินคำนี้มานานแล้ว แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องที่หลายคนกังวลแม้แต่ตัวของเขาเองก็ยังบอกว่าเริ่มเห็นภาพ
"การซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันก็ได้รับผลกระทบ อย่างข้าวสาร เมื่อเทียบกับอดีตที่เคยราคา 50 ดอลลาร์ (1,700 บาท) ตอนนี้พุ่งขึ้นเป็น 70 ดอลลาร์ (2,400) และทุกครั้งที่ซื้อของ เมื่อก่อนผมจ่ายเงินไม่ถึง 100 ดอลลาร์ (3,400 บาท) แต่ได้ของเต็มรถเข็น แต่ตอนนี้แค่ของไม่กี่ชิ้นต้องจ่ายถึง 150-200 ดอลลาร์ (5,000-7,000 บาท) ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่อาจพุ่งเกิน 300 ดอลลาร์ (หมื่นกว่าบาท) ต่อครั้ง
ถือเป็นภาระหนักสำหรับหลายครัวเรือน เจ้าของร้านหลายราย ยังบอกว่า เดี๋ยวนี้ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายซื้อของอีก 40% แต่ของได้น้อยกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม เขามองว่านี่เป็นประเด็นที่ใกล้ตัวและอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ รัฐบาลไทยจึงควรเร่งเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อหาทางบรรเทาผลกระทบ
ที่มาภาพ : ร้านเด็ด อเมริกา - Landed America