posttoday

น้ำท่วมภาคใต้11จังหวัดเสียชีวิตแล้ว 25 ราย สูญหาย 2 คน

10 มกราคม 2560

ปภ.เผยน้ำท่วมภาคใต้ 11 จังหวัด เสียชีวิตแล้ว 25 ราย สูญหาย 2 ราย เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมแจ้งเตือน9จังหวัดเตรียมรับมือภาวะฝนตกหนัก10-11ม.ค.

ปภ.เผยน้ำท่วมภาคใต้ 11 จังหวัด เสียชีวิตแล้ว 25 ราย  สูญหาย 2 ราย  เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมแจ้งเตือน9จังหวัดเตรียมรับมือภาวะฝนตกหนัก10-11ม.ค.

วันที่ 10 ม.ค. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ฝนที่ตกหนัก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดอุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีจังหวัดได้รับผลกระทบ 12 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร ระนอง กระบี่ และประจวบคีรีขันธ์ รวม 111 อำเภอ 663 ตำบล 4,993 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 369,680 ครัวเรือน 1,105,731 คน ผู้เสียชีวิต 25 ราย สูญหาย 2 ราย สถานที่ราชการเสียหาย 5 แห่ง ถนน 218 จุด คอสะพาน 59 แห่ง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 1 จังหวัด ได้แก่ ยะลา  ยังคงมีสถานการณ์ใน 11 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง นราธิวาส สงขลา ปัตตานี ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร ระนอง กระบี่ และประจวบคีรีขันธ์ รวม 92 อำเภอ 556 ตำบล 4,299 หมู่บ้าน

โดยจังหวัดพัทลุง น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอควนขนุน อำเภอปากพะยูน อำเภอเขาชัยสน และอำเภอบางแก้ว รวม 36 ตำบล 350 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 27,274 ครัวเรือน 64,018 คน ผู้เสียชีวิต 5 ราย

นราธิวาส น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 13อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอระแงะ อำเภอรือเสาะ อำเภอศรีสาคร อำเภอแว้ง อำเภอสุคิริน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงปาดี อำเภอจะแนะ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอยี่งอ อำเภอตากใบ และอำเภอบาเจาะ รวม 75 ตำบล 496 หมู่บ้าน 3 เทศบาล 35 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,420 ครัวเรือน 131,182 คน ผู้เสียชีวิต 3 ราย

สงขลา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนเนียง อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสิงหนคร อำเภอสทิงพระ และอำเภอระโนด รวม 25 ตำบล 154 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,880 ครัวเรือน 26,715 คน อพยพ 19 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย

ปัตตานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโคกโพธิ์ อำเภอยะรัง อำเภอกะพ้อ อำเภอหนองจิก อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอสายบุรี อำเภอแม่ลาน อำเภอไม้แก่น และอำเภอทุ่งยางแดง รวม 50 ตำบล 202 หมู่บ้าน 11 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,191 ครัวเรือน 22,012 คน

ตรัง น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาโยง อำเภอรัษฎา อำเภอเมืองตรัง อำเภอห้วยยอด อำเภอวังวิเศษ และอำเภอกันตัง รวม 35 ตำบล 6 เทศบาล 264 หมู่บ้าน 15 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,756 ครัวเรือน 35,939 คน ผู้เสียชีวิต 1 คน

สุราษฎร์ธานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอบ้านนาสาร อำเภอดอนสัก อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอท่าชนะ อำเภอเกาะสมุย อำเภอไชยา อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอชัยบุรี อำเภอเกาะพะงัน อำเภอท่าฉาง อำเภอพระแสง และอำเภอชัยบุรี รวม 79 ตำบล 609 หมู่บ้าน 25 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 74,555 ครัวเรือน 220,097 คน ผู้เสียชีวิต 4 ราย

นครศรีธรรมราช น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 23 อำเภอได้แก่ อำเภอชะอวด อำเภอทุ่งสง อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอท่าศาลา อำเภอสิชล อำเภอนาบอน อำเภอพิปูน อำเภอช้างกลาง อำเภอฉวาง อำเภอนบพิตำ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอพระพรหม อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอขนอม อำเภอพรหมคีรี อำเภอลานสกา อำเภอบางขัน อำเภอปากพนัง อำเภอถ้ำพรรณราย อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอหัวไทร และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ รวม 154 ตำบล 1,284 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 125,202 ครัวเรือน 359,459 คน ผู้เสียชีวิต 6 ราย สูญหาย 1 ราย

ชุมพร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งตะโก อำเภอพะโต๊ะ อำเภอหลังสวน อำเภอละแม อำเภอสวี อำเภอเมืองชุมพร อำเภอปะทิว และอำเภอท่าแซะ รวม 59 ตำบล 494 หมู่บ้าน 1 เทศบาล 17 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 14,709 ครัวเรือน 47,704 คน

กระบี่ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเขาพนม อำเภออ่าวลึก อำเภอปลายพระยา และอำเภอเกาะลันตา รวม 24 ตำบล 64 หมู่บ้าน 1 เทศบาล 2 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 97 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย สูญหาย 1 ราย

ประจวบคีรีขันธ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอบางสะพาน อำเภอทับสะแก และอำเภอบางสะพานน้อย รวม 18 ตำบล 81 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 37,538 ครัวเรือน และระนอง น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอเมืองระนอง รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน

โดยในภาพรวมสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีฝนตกในพื้นที่ ระดับน้ำทรงตัวและระดับน้ำลดลงในบางพื้นที่ ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่ พร้อมรถบรรทุกขนาดใหญ่ เรือท้องแบนอำนวยความสะดวกในการสัญจรแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ รวมถึงดำเนินการซ่อมแซมถนนและสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ภาคใต้ตอนบนจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก และคลื่นลมแรง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา กระบี่ และตรัง ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกสะสม ส่งผลให้พื้นดินชุ่มน้ำ จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย ดินไหลและดินถล่มในช่วงวันที่ 10 – 11 มกราคม นี้ ปภ. จึงได้ประสาน 9 จังหวัดดังกล่าวแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำริมน้ำไหลผ่าน ริมชายฝั่งทะเล และพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักและฝนตกสะสม พร้อมจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัย สำหรับผู้ประกอบการทางน้ำและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 2 - 3 วัน ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป