ศบค.ระดมวัคซีน 1 ล้านโดสฉีดกทม.ใน 2 สัปดาห์

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 64 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ตอนหนึ่ง ว่า ยอดการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนตั้งแต่ประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อวันที่ 28 ก.พ.64 จนถึง 13 กค.64 พบว่า มียอดฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 13,230,681โดส แยกเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 9,888,124 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 3,342,557 ล้านราย

สำหรับพื้นที่กทม.ที่มีการระบาด และมีประชากร 7,699,174 คน ยอดฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน เพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านกว่าราย แต่หากนับรวมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ตัวเลขอยู่ที่ 4.2 ล้านโดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 คิดเป็น 43.61% เข็มที่ 2 คิดเป็น 11.92% โดยเป้าหมายที่ต้องการควบคุมการระบาดอยู่ที่ 70% ของประชากร แต่จากตัวเลขฉีดเข็มที่ 1 อยู่ที่ 43.61% จึงมีความจำเป็นต้องระดมฉีดให้มากขึ้น ซึ่งในวันนี้กรมควบคุมโรคเปิดเผยว่า จะกระจายวัคซีนให้กับพื้นที่กทม.ภายในสัปดาห์นี้และต้นสัปดาห์หน้า จำนวน 5 แสนโดส และจะเพิ่มให้ได้ 1 ล้านโดส ภายในสองสัปดาห์ต่อจากนี้

นอกจากนี้ กลุ่มเป้าหมายการฉีดให้แก่ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเสี่ยง 7 กลุ่มโรคในกรุงเทพมหานครนั้น วานนี้ฉีดผู้สูงอายุ 15,785 โดส กลุ่มผู้มีโรคเสี่ยง 7 กลุ่มโรค ฉีดเพิ่ม 10,532 โดส ซึ่งแม้ตัวเลขจะขยับขึ้น แต่ยังไม่ถึงเป้าหมาย 50% ของประชาชนกลุ่มดังกล่าว ทั้งนี้ย้ำว่าหลังการฉีดวัคซีนต้องรอ 2 สัปดาห์ ร่างกายจึงจะเกิดภูมิคุ้มกัน ดังนั้นการเร่งฉีดผู้สูงอายุให้เร็วที่สุด และให้ได้อย่างน้อย 50% ก็คาดหวังว่าอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตของกทม.น่าจะลดลง

ส่วนการทำงานของทีมเคลื่อนที่ Comprehensive Covid-19 Response Team (CCR Team ) ในวันพรุ่งนี้ จะมี 69 ทีม ลงพื้นที่ครั้งแรกในชุมชนในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ทีมจากศูนย์สาธารณสุข สำนักงานเขต อาสาสมัคร เอ็นจีโอ อาสาสมัครชุมชน และจะกระจายลงพื้นที่ให้ได้ครบ 200 ชุมชน สอดคล้องกับนโยบายของนายกฯ ที่อยากเห็นทีมงานที่มีความผสมผสานช่วยกันดูแลผู้ป่วย และจะมีการทบทวนการทำงาน ช่วงวันที่ 15-17 ก.ค. จะมีการรายงานความคืบหน้า ซึ่งทีมนี้จะเร่งระดมค้นหาผู้ติดเชื้อและนำเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาที่บ้าน หรือในชุมชน ด้วยการตรวจคัดกรองด้วยเครื่องมือตรวจหาเชื้อและรู้ผลเร็ว Antigen Test Kit (ATK) และจะมีการแนะนำวิธีการปฎิบัติตัวที่ถูกต้องด้วย

-พญ.อภิสมัย กล่าวถึงข้อกำหนดในมาตรการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พื้นที่ควบคุมสูงสุด 6 จังหวัด กิจการที่ไม่สามารถเปิดได้ คือ กิจการที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า community mall หรือ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกัน ได้แก่ ร้านหนังสือ แว่นตา เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องเขียน เครื่องครัว อุปกรณ์กีฬา เครื่องสำอาง อาหารสัตว์ อาหารเสริม ร้านอาบน้ำตัดขนสัตว์ คลินิกรักษาสัตว์ , เรื่องความงาม ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ร้านสักเจาะผิวหนัง ร้านทำเล็บ, คลินิกทันตกรรม คลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม, ร้านให้บริการล้างรถ, ร้านซักรีด ทั้งนี้หากสถานประกอบการเหล่านี้เปิดอยู่นอกห้างสรรพสินค้า ขอให้เป็นอำนาจการตัดสินใจของคณะกรรมการโรคติดต่อแต่ละจังหวัด หากจังหวัดไหนพิจารณาว่าสามารถเปิดได้ ขอให้ฟังประกาศของจังหวัดที่ตั้งอยู่