ศาลเชียงใหม่แจงก่อสร้างเชิงดอยไม่บุกรุกที่อุทยาน

ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5  แจงโครงการก่อสร้าง อาคารศาล-ที่พักข้าราชการ ไม่ได้รุกป่าดอยสุเทพ ระบุขออนุญาตใช้พื้นที่จากมณฑลทหารบกที่ 33 ถูกต้องตามกฎหมายเตือนโพสต์บิดเบือนข้อเท็จจริง

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่มีการแชร์ภาพถ่ายทางอากาศ และมีการลงข้อความในสื่อโซเซียลเน็ตเวิร์คในทำนองว่ามีการสร้างสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งหมู่บ้านบริเวณเชิงเขาใกล้กับห้วยตึงเฒ่า โดยตั้งคำถามว่ามีการรุกล้ำเขตอุทยานแห่งชาติหรือไม่ และเป็นการบุกรุกหรือไม่ ซึ่งมีความคิดเห็นต่างๆ ทำให้กระทบส่วนราชการข้างเคียง รวมทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องและจะเริ่มบานปลาย ว่า ภาพถ่ายตามที่มีการลงนั้นเป็นพื้นที่บริเวณงานก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่พักของข้าราชการตุลาการ ข้าราชการศาลยุติธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ได้แก่ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ศาลแรงงานภาค 5ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ศาลแขวงเชียงใหม่ และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้ย้ายที่ทำการจากกรุงเทพฯ มาที่จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ปี 2548 นั้น จึงได้ขอใช้พื้นที่อาคารเพื่อเป็นที่ทำการร่วมกับศาลแขวงเชียงใหม่และศาล เยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่สี่แยกศาลเด็ก ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ - ลำปางแต่ศาลทั้งสองมีปริมาณคดีและมีประชาชนผู้มาติดต่อราชการเป็นจำนวนมาก จึงทำให้สถานที่คับแคบ ประชาชนที่เข้ามาติดต่อราชการไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรประกอบกับศาล ยุติธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ไม่มีบ้านพักข้าราชการตุลาการและข้าราชการศาล ยุติธรรมที่เพียงพอทางสำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้ขอใช้ที่ราชพัสดุที่อยู่ใน ความปกครองดูแลของมณฑลทหารบกที่33 แปลงหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเลขที่ 394/2500 ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ทะเบียนราชพัสดุเลขที่ ชม.1723 (บางส่วน) เนื้อที่ 147 ไร่ 3 งาน 41 ตารางวาตั้งแต่ปี 2549 เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 บ้านพัก 47 หลังและอาคารชุด 13 อาคาร โดยพยายามดำเนินการก่อสร้างให้มีผลกระทบต่อสภาพพื้นที่เดิมให้น้อยที่สุด ทั้งนี้พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตมีลักษณะเป็นแนวยาวจากถนนเลียบคลองชลประทานเข้า ไปในพื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์กับโครงการหมู่บ้าน สวัสดิการทหารบกโดยได้เว้นพื้นที่ 58 ไร่ จากจุดสูงสุดของพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตโดยไม่ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ เพื่อคงสภาพพื้นที่ที่มีต้นไม้อยู่เดิมให้มากที่สุด

ส่วนความห่วงใยของประชาชนเรื่องของการก่อสร้างดังกล่าวและการตัดต้นไม้ นั้นซึ่งการก่อสร้างเป็นไปค่อนข้างลำบากเพราะอยู่บนพื้นที่สูงและต้นไม้ส่วนใหญ่ ก็มีขนาดเล็ก แต่หากเป็นต้นไม้ใหญ่ก็จะทำการเว้นที่ในการก่อสร้าง เพื่อให้คงสภาพป่ามากที่สุดและหลังจากนี้ก็จะปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการชี้แจงแล้วหากยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ออกมา ตามแหล่งโซเชียลอยู่ก็คงต้องพิจารณาดูอีกครั้งว่า ไปในแนวทางไหน มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือไม่ซึ่งทางศาลฯ ก็ไม่อยากที่จะใช้มาตรการอะไรแต่หากถูกบิดเบือนจากข้อเท็จจริงจนส่งผลกระทบ มาก ก็อาจจะต้องดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ส่วนเรื่องการระงับการก่อสร้างนั้น คงจะไม่ทำแน่นอนเพราะได้ดำเนินการมาอย่างถูกต้องและใกล้แล้วเสร็จแล้ว คงจะดำเนินการก่อสร้างต่อไป