เลือกตั้ง66: มิ่งขวัญ เผยแผนลด"แก๊สประชาชน"250 บาทต่อถัง
"มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" ประกาศแนวทางลด"แก๊สประชาชน"พร้อมลดเหลือ 250 บาทต่อถัง ยันทำได้จริงถ้าพล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานโยบายพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวถึงนโยบายแก๊สประชาชนว่า วันนี้ปฎิเสธไม่ได้ว่าอัตราเงินเฟ้อสุงสุดในรอบ 24 ปี ค่าครองชีพขึ้น ค่าของทุกอย่างเพิ่มขึ้น ตนเห็นใจพ่อค้าแม่ค้า เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้น อย่างเช่น แก๊สหรือก๊าซหุงต้มที่จะไปช่วยเหลือภาคครัวเรือนโดยตรง เพราะเราอยากให้คนไทยมีความสุขและแก้ปัญหาปากท้องได้อย่างแท้จริงจึงเป็นที่มาของนโยบายยุทธศาสตร์นี้เพื่อดูแลปากท้องของประชาชน
ปัญหาราคาแก๊สเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2557 ที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ได้กำหนดกรอบและแนวทางในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยต่อมา กบง. ยอมให้ โรงแยกแก๊สปรับราคาแอลพีจีจาก 10 บาทเป็น 15 บาทเริ่มมีผลตั้งแต่ 2 ก.พ. 2558 รัฐบาลจึงเริ่มใช้กองทุนน้ำมันอุดหนุน โดยคุมราคาปลายทาง จากนั้นเมื่อปี 2560 กบง.ได้เปิดเสรีธุรกิจแก๊สแอลพีจีเต็มรูปแบบ จึงทำให้ราคาต้นทางขึ้นไม่หยุด รัฐบาลต้องเอาเงินภาษีกองทุนน้ำมันจำนวนมากไปอุดหนุน
จากนั้นเมื่อ เม.ย. - ก.ย.2565 กองทุนน้ำมันมีหนี้มหาศาลติดลบถึง 124,602 ล้านบาท โดยรัฐบาลมีการปรับราคาแก๊สหุงต้มขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท ทุก ๆ เดือน หรือ 15 บาทต่อถัง ซึ่งสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ก็เสนอแผนการกู้เงิน 150,000 ล้านบาท เพื่อนำไปโปะหนี้กองทุนน้ำมัน แต่จะกลายเป็นหนี้สาธารณะของประชาชนในประเทศ
และเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ราคาแก๊สหุงต้ม ปรับขึ้นเป็น 423 บาทต่อถัง และรัฐบาลประกาศให้ตรึงราคาแก๊สไว้ที่ราคานี้ จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. เนื่องจากเวลานี้ใกล้การเลือกตั้ง ถ้าปล่อยให้ราคาแก๊สสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จะกระทบต่อคะแนนเสียง จึงประกาศเช่นนี้ แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นหลังวันที่ 30 มิ.ย. อย่างแน่นอน เพราะถ้าดูจากสถิติราคาแก๊สจะพุ่งสูงขึ้นถึง 513 บาทต่อถัง ซึ่งไม่ทราบว่าเวลานั้นรัฐบาลจะเป็นใคร
นายมิ่งขวัญ กล่าวต่อว่า เราเห็นว่าต้องมีการรื้อ และปรับโครงสร้างราคาพลังงาน เพื่อทำให้ประชาชนคนไทยได้รับความสุข ความเป็นธรรม และเกิดความโปร่งใสเป็นการใช้งบประมาณรายได้ของรัฐให้ถูกที่ถูกทาง คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน ทรัพยากรธรรมชาติต้องตอบแทนให้คนไทยกินดีอยู่ดีทั้งประเทศ โดยเราจะลดราคาแก๊สเพื่อประชาชน จากราคาปัจจุบัน 423 บาทต่อถัง จะลดราคาลง 173 บาท ประชาชนคนไทยจะใช้แก๊สในราคา 250 บาทต่อถัง
"คนไทยใช้แก๊สหุงต้มปีละ ประมาณ 2,087 ล้าน ก.ก.ซึ่งเป็นตัวเลขที่อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงพลังงานปี 65 งบประมาณที่ใช้อุดหนุน ระยะเวลาหนึ่งปีคือ 11.53 บาทต่อ แก๊ส 1 กิโลกรัม สรุปว่า เราจะใช้งบประมาณอุดหนุนทั้งสิ้น โดยประมาณของ 24,000 ล้านบาท ที่เรากล้าพูด เพราะต้องทำได้ เนื่องจากข้อมูลของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. มีการประกาศระบบสัมปทานใหม่ในแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย จากระบบสัมปทานสู่ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่ได้ปรับลดราคาลงจาก 279-324 ต่อล้านบีทียู เหลือ 172 บาทต่อล้านบีทียู ซึ่งจะทำให้รายได้กลับคืนสู่ภาครัฐมากขึ้นกว่าเดิมประมาณ 24,000 ล้านบาทต่อปี นี่คือตัวเลขที่เราจะนำมาใช้อุดหนุนเพื่อลดราคาแก๊สทั้งนี้หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลด้านพลังงานทั้งหมด ทั้งก๊าซและน้ำมัน รวมถึงไฟฟ้า คู่ขนานไปด้วย"
นายมิ่งขวัญ กล่าวต่อว่า ตนได้รับอนุญาตจาก พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้มาแถลงข่าวนี้ เนื่องจากราคาพลังงานไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนของพรรคพลังประชารัฐที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เพราะเราเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของคนไทยทั้งประเทศ โดยเมื่อ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะต้องไฟเขียวนโยบายดังกล่าวแน่นอน เพราะต้องการช่วยเหลือแก้ปัญหาปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชนเพื่อให้คนไทยดำเนินชีวิตและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น"
ทั้งนี้ นายมิ่งขวัญ กล่าวถึงลำดับปาร์ตี้ลิสต์ว่ายังไม่ได้มีถ้าใครมาแจ้งอะไรก็ถือว่าเป็นฝ้าเอื้องของทางพรรคพลังประชารัฐเค้าที่เห็นสมควร อย่าดึงให้ตนไปพูดการเมือง เพราะต้นจะพูดแต่เรื่องเศรษฐกิจจนกว่าพวกเราจะมีความสุข