ล็อบสเตอร์ถูกทิ้งตายเป็นตัน จีนตั้งแง่ไม่นำเข้าสินค้าออสเตรเลีย
เพราะความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นระหว่างสองประเทศ ทำให้จีนชะลอนำเข้าล็อบสเตอร์ออสเตรเลีย ปล่อยคาสนามบินเป็นตัน
สำนักข่าวออสเตรเลียรายงานว่า กุ้งล็อบสเตอร์จากออสเตรเลียกลายเป็นเหยื่อรายล่าสุดของข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและออสเตรเลีย โดยล็อบสเตอร์จำนวนหลายตันถูกทิ้งไว้อยู่ที่สนามบินในประเทศจีนเนื่องจากจีนไม่อนุญาตให้นำเข้าประเทศ
ไซมอน เบอร์มิงแฮม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่ารัฐบาลได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นและกำลังดำเนินการอย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมเพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว
รวมถึงแสดงความคิดเห็นต่อปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นในการส่งสินค้าไปยังประเทศจีนว่า ผู้นำเข้าควรดำเนินการภายใต้มาตรฐานที่เท่าเทียมและไม่ควรมีการคัดกรองที่เลือกปฏิบัติซึ่งบ่งบอกถึงการละเมิดกฎองค์การการค้าโลก (WTO) และข้อตกลงการค้าเสรีจีน-ออสเตรเลีย (CHAFTA)
การที่จีนปฏิเสธกุ้งล็อบสเตอร์ที่นำเข้าจากออสเตรเลียหรือปล่อยทิ้งไว้นานกว่า 48 ชั่วโมงส่งผลให้กุ้งเหล่านั้นเสื่อมสภาพ เป็นการส่งสัญญาณการประท้วงทางการค้าอีกครั้งหลังจากที่ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศกำลังเพิ่มสูงขึ้น
โดยจีนเป็นประเทศนำเข้าอาหารทะเลรายใหญ่ของออสเตรเลียส่งผลให้อนาคตของอุตสาหกรรมกุ้งล็อบส์เตอร์ออสเตรเลียขึ้นอยู่กับประเทศจีน จากกรณีล่าสุดส่งผลให้ชาวประมงออสเตรเลียได้รับคำสั่งให้หยุดจับกุ้งล็อบสเตอร์เนื่องจากเกรงว่าจะถูกปล่อยทิ้งไว้ที่สนามบินในจีน
ทั้งนี้ ระบบการตรวจสอบสินค้านำเข้าของจีนถูกเปลี่ยนใหม่ให้เข้มงวดมากขึ้นโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความล่าช้าอย่างมากในการขนส่งกุ้งล็อบสเตอร์
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 1 พ.ย. กลุ่มที่ปรึกษาการค้าอาหารทะเล (STAG) แถลงว่าไม่กี่วันที่ผ่านมาการส่งออกล็อบสเตอร์ของออสเตรเลียบางส่วนประสบปัญหาความล่าช้าในการขนส่งเนื่องจากจีนมีการตรวจสอบสินค้านำเข้ามากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงนี้ผู้ส่งออกส่วนใหญ่ตัดสินใจยุติการส่งสินค้าไปยังประเทศจีน
อย่างไรก็ตามทั้งสองประเทศมีการค้าขายระหว่างกันมาโดยตลอด แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเริ่มย่ำแย่ลง โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐบาลออสเตรเลียสนับสนุนการสอบสวนหาต้นตอของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้รัฐบาลจีนบังคับใช้มาตรการเพื่อตรวจสอบและควบคุมสินค้าที่นำเข้าจากออสเตรเลีย
รวมถึงก่อนหน้านี้ยังมีสินค้าจำพวกเนื้อวัว, ข้าวบาร์เลย์ และไวน์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันหลังจากมีข้อพิพาทเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาหลายครั้ง