แรงแค้นเกาหลี "ฮันบกของข้า ที่จีนขโมยไป"
ชุดฮันบกที่เป็นส่วนเล็กจนคนแทบไม่สังเกตเห็นในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่ง กำลังเป็นประเด็นร้อนระหว่างจีนกับเกาหลีใต้
ในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่ง มีตอนหนึ่งที่จีนอวดให้โลกเห็นถึงความหลากหลายทางเชื้อชาติที่มีชนกลุ่มน้อยต่างๆ ถึง 56 ชนชาติอยู่ด้วยกันอย่างกลมเกลียวและมีสิทธิเท่าเทียมกันในจีน
หนึ่งในชนกลุ่มน้อยของจีนคือชาวเกาหลี หรือที่เรียกว่า "เฉาเสี่ยนจู๋" หรือที่พวกเขาเรียกตัวเองว่า "โชซอนจก" คำๆ นี้เป็นชื่อเดิมของประเทศเกาหลีก่อนที่จะแยกเป็นฝ่ายใต้ที่ตอนนี้เรียกตัวเองว่าฮันกุก หรือประเทศฮัน และฝ่ายเหนือยังใช้ชื่อเดิมโดยเรียกตัวเองว่าโชซอนกุก หรือประเทศโชซอน
"ชาวโชซอน" ในจีนมีทั้งคนเกาหลีที่อพยพมาตอนที่เกาหลีตกเป็นอาณานิคมญี่ปุ่น แรวมถึงชนชาติเกาหลีดั้งเดิมที่อยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ เพราะดินแดนของเกาหลีและจีนคาสบเกี่ยวกันมาหลายพันปี ปัจจุบันโบราณสถานสำคัญของชนชาติเกาหลีโบราณก็ยังอยู่ในดินแดนของจีน เช่น โบราณสถานของอาณาจักโคกูรยอ
ดังนั้นจีนมีคนเกาหลีอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว พวกเขายังพูดภาษาเกาหลีพร้อมๆ กับภาษาจีน ยังกินแบบคนเกาหลี มีกิมจิ สวมชุดตามประเพณีเกาหลีคือชุดฮันบก และยังมีเขตปกคครองตนเอง เพื่อรักษาเอกลักษณ์ของตนเองสืบต่อไป
ในระยะหลังมีชาวเกาหลีในจีนอพยพไปอยู่เกาหลีใต้เป็นจำนวนไม่น้อย แต่คนเกาหลีใต้กลับรู้เรื่องของ "ญาติ" ตัวเองในจีนน้อยมาก จนเมื่องานปักกิ่งเกมส์มีการโชว์ "ชาวเฉาเสี่ยนจู๋" ในชุดฮันบก คนเกาหลีใต้ก็โวยวายใหญ่ว่าจีนขโมยวัฒนธรรมพวกเขาอีกแล้ว
ที่บอกว่าอีกแล้วก็เพราะเกาหลีใต้กับจีนมีเรื่องวิวาทกันหลายครั้งในช่วง 2 - 3 ปีนี้ ทั้งข้ออ้างว่าจีนขโมยความเป็นเจ้าของกิมจิและอ้างว่าเครื่องแต่งกายโบราณของจีนหรือชุดฮั่นฝูขโมยแบบชุดฮันบกของเกาหลีไป
ล่าสุด "ชาวเฉาเสี่ยนจู๋" ในชุดฮันบกที่ปักกิ่งเกมส์ ทำให้คนเกาหลีใต้โวยวายไม่เลิกตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่เขียนบทความนี้
ที่น่าแปลกคือสื่อภาษาอังกฤษในเกาหลีใต้เป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้ "เอามากๆ" อาทิเช่น The Korea Times ราวกับว่าต้องการให้โลกเข้าข้างเกาหลีใต้
แต่เมื่ออ่านคอมเมนต์ ซึ่งเดาจากชื่อว่าน่าจะเป็น "ฝรั่ง" หรือบางคนมีชื่อจีนที่สะกดคนละแบบกับคนจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งน่าจะเป็นคนจีนโพ้นทะเล เช่น ในสิงคโปร์หรือมาเลเซีย คนเหล่านี้ตำหนิเกาหลีใต้เสียอย่างนั้น
"ฝรั่ง" เหล่านี้ยังมีความรู้มากกว่าสื่อเกาหลีและคนเกาหลีใต้บางคนที่รู้ว่าผู้ที่สวมฮันบกไม่ใช่ "คนจีน" ที่ "ขโมย" อัตลักษณ์เกาหลีผ่านชุดฮันบก แต่เป็น "คนเกาหลี" ที่แต่งแบบนี้เป็นปกติ เพียงแค่พวกเขาเป็นคนของสาธารณรัฐประชาชนจีนเท่านั้น
บางคนยังช่วยเลกเชอร์ให้สื่อเกาหลีใต้ได้ "ตาสว่าง" ด้วยว่า รู้หรือเปล่าว่านั่นคือ "โชซอนจก" คือชนกลุ่มน้อยชาวเกาหลีในภาคอีสานของจีน และคนเกาหลีไม่ว่าที่ไหนก็มีสิทธิที่จะแสดงความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ตัวเอง แม้ว่าพวกเขาจะมีสัญชาติอื่นก็ตาม
เพื่อให้รู้ว่าบทความนี้ไม่ได้เหมารวมตำหนิคนเกาหลี แเพราะจะบอกว่ามีคนกาหลีใจต้มาอธิบายด้วยว่านั่นมันคน "โชซอนจก" ในจีน คือ "พี่น้อง" ของพวกเราที่กระจัดกระจายไปทั่วโลก
ทำไมเกาหลีใต้ที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีอินเทอร์เน็ตที่เร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จึงเข้าไม่ถึงความรู้เรื่อง "โชซอนจก"?
เพราะปัญหามันไม่ใช่เพราะการเข้าไม่ถึงข้อมูล ปัญหาอยู่ที่กระแสเกลียดชังจีนเป็นทุนเดิมและแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่บอกว่า จีนและเกาหลีใต้ทะเลาะกันเรื่องฮันบกมาก่อนหน้านี้แล้ว พอคนเกาหลีเห็นเข้าในงานปักกิ่งเกมส์เลยเกิดอาการเหวี่ยงขึ้นมาโดยไม่ตรวจทานอะไรให้ดีเสียก่อน
แต่มันเป็นการเหวี่ยงแบบย้ำคิดย้ำทำจนเกินไป พิจารณาเอาจากการที่สื่อภาษาอังกฤษในเกาหลีย้ำเรื่องนี้หลายวันติดต่อกัน นักการเมืองก็หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาปั่นเพราะอยู่ในช่วงฤดูกาลหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีพอดี
นักการเมืองโหนกระแสเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ แต่การย้ำๆ ของสื่อเกาหลีใต้ที่ถือว่าสะท้อนความคิดและการกระทำของประชาชน มันตอกย้ำว่าเกาหลีใต้มีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นในตนเอง
ประเทศที่เชื่อมั่นในตนเอง จะไม่หวั่นไหวถ้าวัฒนธรรมของตัวเองไปโผล่ที่ประเทศอื่น แทนที่จะตีโพยตีพาย ประเทศที่มั่นใจตัวเองจะรู้สึกภูมิใจหรือเฉยๆ เพราะความมั่นใจทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาคือเข้าของวัฒนธรรมนั้น และมั่นใจว่าทั่วโลกรู้เหมือนพวกเขา และมั่นใจว่าคนทั่วโลกรู้ว่านั่นคือการหยิบยืมไป ดังนั้น พวกเขาจะไม่เสียเวลาโวยวายเรื่อง "ถูกขโมย"
เรามักจะไม่เห็นญี่ปุ่นโวยวายเรื่องวัฒนธรรมญี่ปุ่นไปโผล่ที่โน่นที่นี่ แม้แต่ถูกดัดแปลงไปจนเละเทะ คนญี่ปุ่นจะรู้สึกเฉยๆ หรืออาจะแปลกใจระคนชื่นชมที่วัฒนธรรมพวกเขาไปปรากฎอยู่ที่มุมอื่นของโลก
เว้นแต่บางเรื่องที่เปราะบางมากๆ เช่น เมื่อเร็วๆ นี้มีคนญี่ปุ่นติงเรื่อง "ชุดประจำชาติญี่ปุ่น" ในการประกวดมิสยูนิเวอร์ส พวกเขาไม่ได้ติดใจมากนักเรื่องที่คนต่างชาติดัดแปลงกิโมโนจนดูหวือหวา แต่ติดใจที่มันมีดีไซน์รูปดอกเบญจมาศซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระราชวงศ์ญี่ปุ่น ที่เลวไปใหญ่คือมันเป็นดีไซน์กิโมโนสำหรับคนตาย!
ความไม่โวยวายของญี่ปุ่นก็สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในใตัวเองของพวกเขา
ผิดกับคนเกาหลีที่มีปมเรื่องการถูกขนาบด้วยมหาอำนาจ 2 ประเทศที่ "ข่ม" เกาหลีมาตลอดนับพันปีจีนและญี่ปุ่น
พอเกาหลีใต้สร้างตัวขึ้นมาอยู่ในประชาชาติแถวหน้า ส่งออก K-pop ไปทั่วโลกแม้แต่ในจีนและญี่ปุ่น แทนที่จะมีความมมั่นใจในตัวเองมากขึ้น พวกเขากลับรู้สึก "Insecure" คือหวั่นไหว ไม่มั่นใจ เปราะบางกับตัวตนตัวเอง
เมื่อเห็นชุดฮั่นฝูของจีนก็โวยวายจีนลอก ทั้งๆ ที่ชุดฮับกนั้นรับแบบมาจากจีนด้วยซ้ำ รวมถึงวัฒนธรรมระดับรากเหง้าของเกาหลีก็มาจากจีน แต่เกาหลี "บางคน" พยายามปฏิเสธถึงระดับที่ว่าลอกตัวเองด้วยข้อมูลเท็จ
คงเพราะไม่อยากยอมรับว่า "เกาหลีที่ยิ่งใหญ่" เคยรับวัฒนธรรมมาจากจีน ที่ตอนนี้เกาหลีมองว่าเป็นประเทศที่ตามหลังตน
Insecure เสียจนกระทั่งประโคมข่าวเรื่องชุดฮับกในปักกิ่งเกมส์ไม่หยุดหย่อน ทั้งๆ ที่เสิร์ชข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเอาก็รู้แล้วว่าคนในชุดนั้นคือชนชาติเดียวกับพวกเขา แต่เลือกที่จะ "หลอกตัวเอง" ว่าจีนขโมยของๆ เราไป
ตอนแรกคนนอกที่ไรู้ก็อาจจะเข้าข้างเกาหลีใต้ แต่ตอนนี้หลังจากเรื่องมันยืดเยื้อเข้า ผู้คนที่รู้จักเปิดใจและเปิดตาหาความรู้ จึงทราบว่านั่นไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากจีน แต่เกิดจากเกาหลีใต้แท้ๆ
หากเกาหลีใต้แก้ปัญหาเรื่องปมด้อยในใจไม่ได้ ก็จะวนเวียนอยู่กับปัญหาเดิมๆ แบบนี้เรื่อยไปไม่จบสิ้น และจะกระทบกระทั่งกับคนจีนไปเรื่อยๆ
นี่เป็น "เวรกรรม" ของเอเชียตะวันออกโดยแท้ เราจะเห็นว่า เกาหลีใต้ทะเลาะกับจีนเรื่องวัฒนธรรม จีนทะเลาะกับญี่ปุ่นเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นทะเลาะกับจีนเรื่องแย่งชิงเกาะเซนกากุ/เตียวหยู เกาหลีทะเลาะกับญี่ปุ่นเรื่องเกาะทกโด/ทาเกะชิมะ และเกาหลีกับจีนรวมพลังทะเลาะกับญี่ปุ่นเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2
และเกาหลีเหนือที่พร้อมจะซัดกับทุกฝ่ายไม่เว้นแม้แต่จีน
เป็นภูมิภาคของเอเชียที่เหมือนจะสงบ แต่มันมีกับระเบิดวางเอาไว้อยู่เพียบ
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน
Photo by Antonin THUILLIER / AFP