ปลายทางสงบเงียบ ‘เกาะไหง’ ทะเลไทยในดวงใจ

โดย...ปอย

เที่ยวทะเลมาหลายมหาสมุทรแล้ว ถ้าเที่ยวหรูก็ต้องเลือกไปมัลดีฟส์ แต่ชีวิตก็ไม่ได้ชอบติดหรูหราแค่เพียงด้านเดียว ทะเลสวยๆ เลือกพักโรงแรมดีไซน์แสนเก๋ ก็มีอยู่ไม่ไกลบ้านเรา แล้วที่สำคัญ ราคาดี ไม่แพงเลย อัจฉรียา นิมมานนิตย์ เวิร์กกิ้งวูแมนวงการความงาม บอกว่า ขอเลือกลาพักร้อนชิลๆ หรือถ้ามีลองวีกเอนด์วันหยุดงานยาวๆ ในบริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จะต้องขอตัวทันทีเพื่อไปปลีกวิเวกฟังเสียงคลื่นเสียงลมพักใจพักกาย ณ เกาะไหง จ.ตรัง เป็นทริปที่ถูกบันทึกไว้ในปฏิทินประจำปี ว่าต้องไปชาร์จแบตที่นี่

น้ำทะเลใส หาดทรายขาวละเอียดราวกับแป้งเด็ก เดินย่ำพื้นทรายส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดคอนเฟิร์มความเนียนนุ่มเท้า เกาะเล็กๆ แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางไม่ไกลนัก แต่ก็น่าแปลกใจที่นี่แทบไม่มีคนไทยเลย บรรยากาศทะเลรายล้อมด้วยเพื่อนนักท่องเที่ยวผมทองที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัวเช่นเดียวกัน เป็นทะเลอีกแห่งที่ถูกแอบซ่อนไว้ในอันดามันอย่างเงียบเชียบก็ว่าได้

ไม่หรูแต่ (รับรอง) อยู่สบาย

 

เกาะไหง อยู่ในทะเลอันดามันเขตรอยต่อ จ.กระบี่ แต่ถ้าดูตามพื้นที่ตั้งแล้วอยู่เขต จ.ตรัง มากกว่า การเดินทางจากท่าเรือปากเมง จะสะดวกที่สุด และสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นคนกลุ่มใหญ่บนเกาะนี้ ก็ไม่ได้มุ่งมาที่เกาะนี้โดยตรง แต่แวะมาหลังจากไปท่องเที่ยวเกาะลันตากันมาแล้ว ซึ่งเขาศึกษาเส้นทางกันมาอย่างละเอียดยิบแล้วว่ามี “เกาะอันซีน” ในอันดามัน หลงหูหลงตาอยู่อีกหลายๆ เกาะ

“ชาวต่างชาตินิยมมาอาบแดด อ่านหนังสือริมหาดค่ะ ความที่ฝรั่งเยอะ พวกเราคนไทยก็เลยเมาท์หรือพูดคุยอะไรก็สบายเลย (หัวเราะ) ไม่มีใครสนใจใคร ดิฉันวางแผนประจำปีไว้ 4 วัน 3 คืน แต่ถ้ามีวันหยุดยาว 3 วัน 2 คืน ก็รีบไปชาร์จแบตกันได้อย่างสบายๆ แล้ว รวบรวมเพื่อนๆ ในกลุ่ม 5-6 คนกำลังดีเลยค่ะ ไม่เหงา แล้วก็ไม่วุ่นวายก๊วนใหญ่เกินไป ทำให้พักผ่อนกันได้เต็มที่ด้วย

ทริปนี้ต้องเดินทางทุกๆ ปี ก็จะเริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่เลยค่ะ เลือกไฟลต์บินเที่ยวเช้าที่สุด เพื่อมาถึงเมืองตรังก็จะกินอาหารเช้าที่ขึ้นชื่อของที่นี่ บุฟเฟ่ต์ขนมจีนในตัวเมืองมีให้เลือกหลายร้านค่ะ บรรยากาศร้านบ้านๆ อร่อยมากๆ มีทั้งน้ำยากะทิ น้ำยาป่า น้ำพริก แกงพุงปลา แต่คนกรุงเทพฯ กินเผ็ดไม่เก่งก็จะเลือกน้ำยาไตปลาผสมกับแกงเขียวหวาน มีไข่ต้ม ไก่ทอด ให้กินแกล้มแก้เผ็ดด้วย หัวละ 40 บาทเองค่ะ ถูกและดีของจริงเลยค่ะ แค่พูดถึงก็น้ำลายสอแล้วนะคะ (หัวเราะ) ไปตรังห้ามพลาดอาหารเช้าสไตล์นี้เลย ยิ่งคนชอบผักสดๆ นี่ยิ่งปลื้มมาก

จากท่าเรือปากเมงมาถึงเกาะใช้เวลา 45 นาที ที่พักรีสอร์ทบนเกาะไหง ส่วนใหญ่อยู่บนชายหาดที่เป็นจุดชมวิวหมู่เกาะน้อยใหญ่ได้สวยงามเลยค่ะ ดิฉันเลือกพักที่ มายาเลย์ บีช รีสอร์ท สไตล์บังกะโลแบบดั้งเดิมติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติมาก สร้างด้วยไม้ไผ่และใบปาล์มหลังคามุงจาก ไม่หรูมาก แต่ก็มีบริการแบบโรงแรมทุกอย่างค่ะ มีมินิบาร์ ในห้องน้ำก็มีพร้อมเครื่องเป่าผมและเครื่องใช้ในห้องน้ำสะดวกสบายเลย แล้วที่สำคัญคือมีไว-ไฟบริการรับรองว่าคนไทยอย่างพวกเราไม่ขาดใจตายเพราะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกแน่ๆ (หัวเราะ) ความสบายมีบริการไปถึงการนวดสปาให้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่อีกด้วย

 

...แต่บอกกันเสียก่อนว่าที่นี่มีเวลาเปิด-ปิดไฟฟ้านะคะ ใครไม่ติดความสบายจนเกินไป ก็น่ามาเที่ยวกันได้แฮปปี้ค่ะ

ดิฉันค้นพบเกาะนี้เพราะเพื่อนเป็นชาวตรัง แล้วพี่ชายเพื่อนก็เป็นนักดำน้ำอยู่ที่นี่จึงพามาเที่ยว เลือกเป็นเกาะประจำก๊วนเพราะไม่วุ่นวาย นักท่องเที่ยวไทยก็น้อยส่วนตัวดีค่ะ พอได้มาครั้งแรกก็ประทับใจเลยนะคะ ซึ่งก่อนจะมาค้นพบเกาะนี้ ดิฉันก็ชอบท่องเที่ยวอยู่กับทะเลรอบๆ เกาะสมุย เช่น เกาะเต่า แต่ความที่เป็นเกาะมีหน้าผาไม่ค่อยมีชายหาดให้เล่นน้ำ ก็เลยไม่ใช่ที่สุดของการพักผ่อนเท่าเกาะไหง หรือถ้าจะไปเกาะหลีเป๊ะ เกาะตาชัย ตอนนี้ไปก็คงไม่เงียบแล้ว เพราะคน (ไทย) เยอะมาก”

ดำน้ำวันเดย์ทริป

ตามแผนที่แล้ว เกาะไหงเป็นแหล่งกำบังคลื่นลมจากมหาสมุทรได้ดี แต่สำหรับนักท่องทะเลมาหลายต่อหลายแห่ง อัจฉรียา เล่าว่า ก็เจอดีจนได้ ทั้งที่เป็นทริปต้นปีที่ไม่ใช่หน้ามรสุมคือไปเที่ยวในเดือน ม.ค. ก็ได้เจอคลื่นลมเล่นงานให้ปั่นป่วนกันเล็กๆ แต่นี่ล่ะคือรสชาติของการท่องเที่ยว

 

“อารมณ์ประมาณว่า...ฉันจะกลับไปถึงฝั่งไหมนี่?!! (หัวเราะ) คนชอบเที่ยวทะเลต้องเจอกันบ่อยๆ นะคะ แต่ถามว่าเข็ดไหม? ไม่ค่ะ ไปได้อีกเรื่อยๆ นะคะ (ว่าแล้วก็หัวเราะอีก) กำลังนวดในรีสอร์ทสบายเลย เพื่อนก็โทรมาเรียกให้รีบเก็บกระเป๋ารีบเช็กเอาต์กลับก่อนบ่ายสองโมง เพราะคนเรือบอกถ้าช้ากว่านี้อาจจะเจอมรสุม เราก็มองฟ้าก็คิดว่า...แหม! อากาศกำลังดี ไม่ค่อยเชื่อ

แต่ก็ต้องรีบกลับตามที่คนเรือขอร้อง ออกจากฝั่งไม่นานเลยค่ะ มรสุมมาแล้ว มองกลับไปที่ฝั่งเห็นเรือที่ตามมา แล่นกระเด้งๆ มาแต่ไกลเลย จนเรือ 4-5 ลำที่ตามๆ กันมาต้องจอดหลบลมเพราะมีเกาะหินเล็กๆ ให้หลบอยู่เกาะหนึ่ง เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเครียด คนเรือก็เลยให้สน็อกเกิ้ลหลบลมกันหลังเกาะหินตรงนี้กันดีกว่า แล้วเพื่อนก็เมาเรืออาเจียนให้อาหารปลาไปด้วยเลย (หัวเราะ) ก็กลายเป็นว่าเราไม่ได้ตั้งใจดำน้ำก็เลยได้เห็นฝูงปลา ได้ดำน้ำแถมทริปนี้ไปด้วย

กิจกรรมทางน้ำที่เกาะไหง คือ การดำน้ำดูปลา ดูปะการัง เพราะเป็นเกาะที่น้ำไม่ลึกมาก แนะนำในช่วงต้นมีสีปะการังสวยที่สุดเลยค่ะ แต่บรรยากาศการท่องเที่ยวเกาะนี้ก็ไม่ได้มีแบบมีคนเที่ยวสน็อกเกิ้ลเป็นกลุ่มใหญ่ๆ อะไรแบบนี้เลยนะคะ คนจะไปเที่ยวในแถบทะเลกระบี่มากกว่าทะเลตรัง จึงทำให้เราหาความสงบอย่างแท้จริงได้จากที่นี่

ทริปดำน้ำมีให้เลือกหลายแห่งรอบๆ เกาะ แล้วความที่เรามีเพื่อนเป็นเจ้าถิ่น จึงรู้ทางว่าเที่ยวที่ไหน เวลาไหนดีที่สุด จากเกาะไหงไปดำน้ำที่ถ้ำมรกต ก็ไม่ไกลค่ะนั่งเรือหางยาวไปถึงให้เช้าๆ เลย มุดถ้ำเพื่อไปถ่ายรูปที่ทะเลในซึ่งอยู่ในถ้ำมรกต ความสวยไม่ใช่แค่ตอนเราเงยหน้าตอนมุดดำน้ำมืดๆ พอเข้ามาในน้ำทะเลสีเขียวใสสีเหมือนกับมรกตอย่างไรก็อย่างนั้นเลยนะคะ แต่ด้วยความเงียบไร้เพื่อนนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ ในตอนเช้า  มีเราแค่ 4-5 คนที่ครองถ้ำถ่ายรูปกันเซลฟี่กันเต็มที่นี่คือการเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุด แล้วพอดำน้ำออกมาจากถ้ำช่วงเกือบๆ 11 โมงเท่านั้นเองค่ะ โอ้โห...คนละเรื่องเลย คนเริ่มมาเยอะม-า-ก (ลากเสียงยาวๆ เลย)

 

แล้วความที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวใหญ่ ดิฉันจึงใช้งบเที่ยวน้อยมาก ไปแต่ละครั้งทั้งค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายทั้งหมด ใช้เงินไม่ถึง 2 หมื่นบาทเองนะคะ

ที่สุดของความประทับใจทุกๆ ครั้งที่มาเกาะเล็กๆ แห่งนี้ คือ เรามีความรู้สึกเหมือนถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก ดิฉันชอบไปทะเลมากกว่าภูเขา เพราะชอบแสงแดด ชอบใส่บิกินี่มากกว่าเสื้อขนฟูๆ ตัวใหญ่ๆ เวลาไปเที่ยวเมืองนอกก็ชอบไปหน้าร้อนมากกว่าไปหน้าหนาว เพราะไม่ชอบแพ็กของ ไม่ชอบใส่เสื้อผ้าหลายๆ ชั้น การได้มาทะเลได้เจอแดดเจอลมพัดใส่ใบหน้าจึงเป็นทริปในฝันที่ต้องหาทะเลส่วนตัว แล้วถ้าปีไหนไปเที่ยวทะเลแห่งใหม่ๆ ก็ยิ่งตื่นเต้นมากเลยค่ะ” 

อัจฉรียาทิ้งท้ายว่า ทะเลไทยยังมีธรรมชาติสวยงามแบบเพียวๆ รออยู่อีกหลายๆ แห่ง ถ้าไปเที่ยวช้ากว่านี้ ก็ไม่รู้ว่าอนาคตท้องทะเลแห่งนี้ยังคงสวยงามเหมือนเดิมหรือเปล่า? เหมือนกับเกาะแก่งอีกหลายๆ แห่งที่กำลังประสบชะตากรรมนักท่องเที่ยวล้นเกาะ