เงินต้นก้อนเดิม ที่เพิ่มเติม คือ รายได้ประจำ

คงไม่ได้ขออะไรมากไปกว่านี้ ถ้ามี “อะไรสักอย่าง” ที่ให้ผลตอบแทนออกมาเป็นรายได้ประจำโดยไม่ทำให้เงินต้นกระทบกระเทือนมากนัก เท่านี้คนที่พึ่งพารายได้จากเงินออมก็พอใจที่สุดแล้ว โดยเฉพาะวัยเกษียณที่เงินออมก้อนนี้อาจจะเป็นเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต

ถ้าเป็นเมื่อก่อน (ซึ่งนานมาแล้ว) แค่ฝากเงินกินดอกเบี้ยก็สุดแสนจะสบาย แถมไม่ต้องห่วงว่าเงินต้นจะหดหาย

แต่ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ แม้ว่าจะได้ยิน “กูรูการเงิน” พูดกันจนเริ่มชินแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแล้ว... แต่ก็ไม่ได้แปลว่าดอกเบี้ยที่จะได้เงินฝาก หรือจากการลงทุนในตราสารหนี้จะเพิ่มขึ้นจนน่าตื่นเต้น

เพราะแทบจะทุกสำนักก็เชื่อว่าแม้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยก็คงจะ “ขึ้นแค่นิดเดียว” แถมดอกเบี้ยในประเทศก็ไม่มีวี่แววจะขยับตาม

แล้วแบบนี้จะทำอย่างไรให้มีรายได้จากการลงทุนที่ไม่ทำให้เงินต้นขยับขึ้นๆ ลงๆ จนนอนไม่หลับ เพราะถ้าจะให้ไปลงทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงหน่อย อย่างเช่น ตั๋วแลกเงิน (บี/อี) หลายคนก็ยังไม่สบายใจ หรือจะกลับไปซบไหล่เงินฝากก็เกรงว่าจะต้องตัดแบ่งเงินต้นออกมาใช้ เพราะรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากน้อยเกินไป

หันซ้ายหันขวามาเจอกับ “Income Fund” กองทุนรวมยอดฮิตติดอันดับเงินไหลเข้าไปลงทุนมากที่สุดเมื่อปี 2559 เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังว่ากองทุนประเภทนี้จะให้รายได้ประจำสม่ำเสมอได้เหมือนกับชื่อกองทุน

แต่ต้องเตือนกันไว้ก่อนว่า ไม่ใช่ว่ามีคำว่า “อินคัม” ในชื่อกองทุนแล้วจะเป็น Income Fund กันหมด นอกจากนี้ถ้าต้องการจะหาข้อมูลเปรียบเทียบของกองทุนกลุ่มนี้ก็ต้องบอกอีกทีว่า “ยากมาก” เพราะกระจัดกระจายอยู่ในหลากกลุ่มกองทุน

กิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลไว้ว่า...

“โดยทั่วไปแล้ว Income Fund คือ กองทุนผสมที่ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ รีท และสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ แต่จะเน้นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ หรือรีท ที่จ่ายเงินปันผลสูงและสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน”

นอกจากนี้ อาจจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง รวมถึงตราสารประเภท High Yield และอาจจะรวมไปถึงกองทุนที่เน้นลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือรีทด้วยก็ได้

ขณะที่ ชยนนท์ รักกาญจนันท์ หรือ Mr.Messenger ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) อินฟินิติ บอกว่า สำหรับเขาแล้ว “Income Fund จะลงทุนสินทรัพย์ประเภทใดก็ได้ ที่ทำให้สามารถจ่ายกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเงินปันผล หรือขายหน่วยลงทุนอัตโนมัติอย่างน้อยไตรมาสละ 1 ครั้ง”

นั่นเพราะ Income Fund เป็นการจัดกลุ่มจากความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำ ไม่เหมือนกับการจัดกลุ่มกองทุนแบบดั้งเดิมที่แบ่งจากสินทรัพย์ที่ลงทุน เช่น กองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้

ดังนั้น Income Fund ในความหมายของชยนนท์จึงเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ 4 ประเภทหลักๆ คือ หุ้นทั่วโลก ตราสารหนี้ทั่วโลก กิจการโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก หุ้นไทย และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงรีทในประเทศ

การลงทุนในกองทุนทั้ง 4 กลุ่ม นอกจากจะทำให้มีรายได้ประจำจากเงินปันผล หรือดอกเบี้ยแล้ว ยังมีโอกาสได้กำไรจากราคาซื้อขายที่ปรับเพิ่มขึ้นด้วย (เรียกผลตอบแทนทั้งสองส่วนนี้รวมกันว่า Total Return)

“ผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือดอกเบี้ย เหมาะที่จะเป็นรายได้ประจำมากกว่ากำไรจากราคาหุ้น หรือตราสารหนี้อยู่แล้ว เพราะมีความสม่ำเสมอมากกว่าแต่ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำแบบนี้การได้ Total Return จะดีกว่า เพราะได้ทั้งผลตอบแทนและมีโอกาสที่เงินต้นจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วย”ชยนนท์ แนะนำ