ลาจาก... มิใช่ลาก่อน
"ดอกไม้มีเวลาผลิบานของมัน" เป็นคำพูดเชิงกวีแห่งชีวิตทั้งของโกมไปย์ เซกุนโด
โดย เพรงเทพ
"ดอกไม้มีเวลาผลิบานของมัน" เป็นคำพูดเชิงกวีแห่งชีวิตทั้งของโกมไปย์ เซกุนโด ที่กล่าวถึงห้วงเวลาที่มีคุณค่าในวัยชราตอนเลขนำหน้าสองหลักขึ้นสู่เลข 9
ยิ่งตอกย้ำลงไปผ่าน อิบราฮิม เฟร์เรร์ ซึ่งชีวิตกลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือในช่วงชีวิตหลังเกษียณที่อดอยากสิ้นหวังในโลกดนตรีมานานแล้ว เขาสวดอ้อนวอนกับนักบุญลาซารัสบนหิ้ง ดำรงชีพด้วยอาชีพขัดรองเท้า สาปส่งโลกดนตรีแทบจะชั่วกาล
จู่ๆ เขาก็ก้าวเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งดนตรีคิวบันที่เด่นสง่าในวงการเวิลด์มิวสิค และเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตไปทั่วโลก หลังจากอัลบั้ม "Buena Vista Social Club" ออกวางจำหน่าย และมีภาพยนตร์คอนเสิร์ตเรื่องนี้กำกับการแสดงโดย วิม เวนเดอร์ ผู้กำกับฯ ชื่อดังออกมา รวมถึงรางวัลแกรมมี่ 3 รางวัล จากสถาบันศิลปะวิทยาการการบันทึกเสียงแห่งสหรัฐอเมริกา (National Academy of Recording Arts and Sciences : NARAS)
"Buena Vista Social Club : Adios" เป็นภาพยนตร์สารคดีที่เป็นบทสรุปทุกอย่างของเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน 20 ปี ต่อมา ปรากฏการณ์พิเศษ ในวงการดนตรีร่วมสมัยของโลก ที่กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญไปในปัจจุบัน
บัวนา วิสตา โซเชียล คลับ เป็นชื่อของสโมสรอันเป็นที่พบปะสังสรรค์กินดื่มเล่นดนตรีและเต้นรำของชาวคิวบาเชื้อสายแอฟริกัน หรือคนผิวสีหรือคนดำที่ถือเป็นชนชั้นล่างสุดของสังคมคิวบาในขณะนั้น ถูกหยิบมาใช้เป็นชื่อวงดนตรีและบทสรุปของวงการดนตรีคิวบันในรอบครึ่งศตวรรษผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างหมดจดและงดงาม
มีพบมีพรากมีจากและลากัน ด้วยเงื่อนไขของวันวัยและเวลา
การเริ่มต้นเปิดเรื่องด้วยการอสัญกรรมของ ฟิเดล คาสโตร รัฐบุรุษและอดีตผู้นำประเทศคิวบาในปลายปี 2016 และการตามหาที่ตั้งของบัวนา วิสตา โซเชียล คลับ ของ ฮวน เด มาร์คอส กอนซาเลซ คีย์แมนหรือบุคคลสำคัญที่รวบรวมนักดนตรีอาวุโส ซึ่งเคยมีชื่อเสียงในอดีตก่อนการปฏิวัติคิวบา
ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไล่เรื่องราวสลับกันถึง ที่มาที่ไป และการเชื้อเชิญนักดนตรีระดับตำนานของคิวบาที่อยู่ในช่วงปัจฉิมวัย มีความร่วงโรยในวัย แต่หัวใจทางดนตรียังลุกโชนอยู่ โดยมีบุคคลสำคัญอีกคนคือ ไร คูเดอร์ มือกีตาร์บลูส์ชาวอเมริกัน มาเป็นโปรดิวเซอร์และร่วมเล่นในฐานะผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
นักดนตรีที่วางวายไปแล้วจากวงดนตรี เฉพาะกิจวงนี้ ถูกหยิบมาเล่าเรื่องตั้งแต่วันที่พวกเขา เดินทางมาสู่วง บอกเล่าถึงภูมิหลังและประสบการณ์ส่วนตัว ผ่านความรุ่งโรจน์อีกครั้งในนามวงบัวนา วิสตา โซเชียล คลับ จนถึงวันสุดท้ายที่คืนลมหายใจและดนตรีให้กับผืนแผ่นดิน
อิบราฮิม เฟร์เรร์ ซึ่งมีชีวิตดุจดังละครและดราม่าที่สุด แม้ในวัยฉกรรจ์ของชีวิตนักร้อง เขาเป็นได้แค่นักร้องผู้ช่วยและประสานเสียง เขาไม่เคยได้รับโอกาส จนชีวิตในวัยชรามีเพียงความขื่นขมในฐานะคนขัดรองเท้า แต่เสียงร้องของเขาในวันที่เขาบอกว่าเสียงพัง กลับเป็นเสียงขับร้องที่ทำให้ทีมดนตรีและโลกต่างสดุดีกู่ก้อง เพราะมันออกมาจากชีวิตของเขา
รูเบน กอนซาเลซ มือเปียโนอัจฉริยะที่เป็นโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อมถอย เมื่อมีคนถามว่าทำไมจึงจำโน้ตเพลงที่ตัวเองเล่นได้ เขาตอบว่า เพราะมีวิญญาณนักดนตรีที่ล่วงลับไปแล้วอยู่รอบข้าง รวมทั้งเขาเล่นดนตรีออกมาจากจิตวิญญาณของตัวเอง
หลายต่อหลายคนของนักดนตรีและนักร้องอาวุโสในวง ที่ถูกนำชีวิตมาเล่าเรื่องทำให้เห็นถึงการวิวัฒน์และพัฒนาการของวงการดนตรีและสังคมการเมืองของคิวบา
ลูซี่ วอล์กเกอร์ ผู้กำกับฯ กำลังเล่าเรื่องการเมืองผ่านภาพยนตร์สารคดีดนตรีได้อย่างแยบคายและชาญฉลาด
โดยเฉพาะช่วงท้ายเรื่องที่นำเสนอการเชื้อเชิญนักดนตรีวงบัวนา วิสตา โซเชียล คลับ ไปเล่นดนตรีในทำเนียบขาว จากประธานาธิบดี บารัก โอบามา ซึ่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น รวมถึงการไปเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ที่ไมอามี ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงน้อยของคิวบาในสหรัฐอเมริกา
สุดท้ายประธานาธิบดีโอบามาก็ไปฟื้นสัมพันธ์ทางการทูตและเยือนคิวบาอย่างเป็นทางการ
อย่างที่ว่าแม้จะนำเสนอภาพวาระซ่อนเร้นออกมา แต่จิตวิญญาณของภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ก็คือ จิตวิญญาณทางดนตรี คิวบันที่เข้มข้นอยู่ดี
ดนตรีที่รุ่งเรืองขึ้นมาจากการหล่อหลอมเชื่อมโยงของดนตรีแอฟริกันจากบรรพบุรุษทาสของคนคิวบา มาผสมผสานกับดนตรีพื้นเมืองแคริบเบียนและดนตรีตะวันตกแบบอเมริกัน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของดนตรีแคริบเบียนแห่งคิวบาที่หาใครเสมอเหมือน
ดนตรีคือความงามพิสุทธิ์ของชีวิตมนุษย์ เหมือนดอกไม้ที่เป็นดอกตูม เบ่งบาน และร่วงโรย แต่บัวนา วิสตา โซเชียล คลับ แสดงให้เห็นถึงความงามครั้งสุดท้ายยามร่วงโรยของดอกไม้ดอกนั้นออกมาได้อย่างมหัศจรรย์