posttoday

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนฟิลลิป มอร์ริสสำแดงเท็จเลี่ยงภาษีแต่ลดค่าปรับ

31 มกราคม 2566

ศาลอุทธรณ์ยืนคำพิพากษาศาลชั้นต้น บริษัทฟิลลิป มอร์ริสสำแดงเท็จเลี่ยงภาษีบุหรี่ 2 ยี่ห้อดัง ใช้กฎหมายใหม่เป็นคุณโทษแก่จำเลยสั่งปรับ2.5เท่าลดลงกว่าเดิม สั่งศุลกากร คำนวณค่าอากรใหม่เป็นจำนวนที่แท้จริง

เมื่อวันที่ 31ม.ค.2566 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาชั้นศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.232/2560 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด โดย นายเจอรัลด์ มาร์โกลีส ผู้จัดการสาขา ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด และ อดีตพนักงานบริษัทหญิงคนไทย (สงวนชื่อ-สกุล) เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันนำเข้าบุหรี่ที่มีแหล่งผลิตในต่างประเทศ เข้าราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี เพื่อฉ้อค่าภาษีสรรพสามิต ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ม.27,115 จัตวา

อัยการโจทก์ฟ้องระบุว่า เมื่อระหว่างวันที่ 22 ม.ค. 2545 -14 ส.ค. 2546 จำเลยที่ 1-2 กับพวกที่หลบหนียังไม่ได้นำตัวมาฟ้องอีกหลายคน ร่วมกันนำบุหรี่ยี่ห้อ L&M และยี่ห้อมาร์โบโล เข้ามาในราชอาณาจักรไทย และได้ร่วมกันสำแดงเท็จโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงและอุบายด้วยการยื่นใบขนสินค้าขาเข้าต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร กรมศุลกากรเพื่อผ่านพิธีการศุลกากร ซึ่งรวมราคาเป็นเท็จไม่ตรงตามราคาที่แท้จริงและถูกต้องตามกฎหมายศุลกากร จำนวน 780 ครั้ง เหตุเกิดที่เขตบางรัก, เขตคลองเตย กรุงเทพฯ, สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี และด่านศุลกากรอื่นๆอีกหลายที่ รวมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และประเทศอินโดนีเซีย ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนัก การกระทำของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 เป็นการสำแดงเท็จและเป็นการนำสินค้าประเภทบุหรี่เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระค่าอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย 

อย่างไรก็ตามเห็นควรแก้ไขค่าปรับเสียใหม่ ซึ่งอัยการยื่นฟ้องให้ปรับ 4 เท่า แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลมีกฎหมายใหม่ที่เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า ประกอบกับจำเลยที่ 1 ให้การเป็นประโยชน์ จึงพิพากษาเป็นว่าให้ปรับ บริษัท ฟิลลิปมอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 ตามอัตรากฎหมายที่แก้ไขใหม่ จำนวน 2.5 เท่า โดยให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปคำนวณค่าอากรเป็นจำนวนเงินที่แท้จริงอีกครั้ง 

ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นเพียงพนักงานบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิด ไม่ได้มีอำนาจกำหนดราคาของบุหรี่ทั้ง 2 ยี่ห้อแต่อย่างใด จึงพิพากษายกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ภายหลัง นายเจอรัลด์ ในฐานะตัวแทนของบริษัท ฟิลลิปมอร์ริส (ไทยแลนด์) จำเลยที่ 1 กล่าวว่า ขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับอดีตพนักงานที่ได้รับการกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม และรู้สึกยินดีที่ศาลให้ความเป็นธรรมกับบริษัทเราโดยการลดค่าปรับลงโดยเหตุผลว่าบริษัทให้ความร่วมมือในการสืบสวนมาโดยตลอด ยืนยันว่าทางบริษัทเคารพการตัดสินของศาล 
 

อย่างไรก็ตามไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ที่ยังคงมีคำตัดสินที่ไม่เป็นคุณต่อบริษัท เพราะเราเชื่อว่าการสำแดงราคาของเรานั้นถูกต้องและสอดคล้องกับการกำหนดราคาของศุลกากร เพราะกว่า 10 ปีหน่วยงานของศุลกากรของไทยและต่างชาติ ศาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการค้า เคยพิจารณาราคาที่ทางบริษัทเราสำแดงและมีคำสรุปในแนวทางเดียวกันว่าทางบริษัทสำแดงราคาอย่างถูกต้อง เราเชื่อมั่นว่าเรามีข้อมูลหลักฐานข้อโต้แย้งที่หนักแน่นพอจะทำให้ศาลฎีกาเปลี่ยนคำตัดสินได้แต่อย่างไรก็ตามขอกลับไปดูสำนวนพิพากษาในวันนี้อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจอีกครั้งว่าทางบริษัทจะฎีกาหรือไม่

สำหรับคดีเลี่ยงภาษีบุหรี่ คดีหลักที่ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริสฯ กับพวกรวม 8 ราย ถูกพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ4 ยื่นฟ้องเป็นจำเลยที่ 1-8 คดีหมายเลขดำ อ.185/2559 ฐานหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรหลายยี่ห้อนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ฯ ชำระค่าปรับ1,225,990,671.50 บาท ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลดค่าปรับเหลือ 121,578,788 บาท