posttoday

คลัง จ่อส่งกฤษฎีกาตีความโครงการดิจิทัลขัดกฎหมายหรือไม่ พรุ่งนี้

06 ธันวาคม 2566

จุลพันธ์ รมช.คลัง เผยภายใน 1- 2 วัน ส่งคำถามให้กฤษฎีกาตี โครงการ Digital Wallet ขัดฎหมายหรือไม่ มั่นใจ ผลออกมาไม่ขัดต่อกฎหมาย วางแผนเดินหน้ายกร่างให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนชงเข้าครม.พิจารณาต่อไป

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่า ภายใน 1- 2 วัน กระทรวงการคลังเตรียมส่งหนังสือคำถามถึงความชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับโครงการฯไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งจะเป็นการสอบถามในรูปแบบของข้อกฎหมาย โดยส่วนตัวมั่นใจว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จะไม่ขัดต่อกฎหมาย

“ตอนนี้คำถามที่เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว น่าจะส่งให้กฤษฎีกาได้ภายในวันพรุ่งนี้ หรือวันพุธนี้ ซึ่งคำถามที่ส่งให้กฤษีกามีอะไรบ้างบอกไม่ได้ แต่จะเป็นคำถามในรูปแบบของกฎหมาย หลังจากนี้ต้องรอตอบกลับมากฤษฎีกาจะว่าตอบเยส หรือโน ” นายจุลพันธ์ กล่าว
 

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนตัวผมมั่นใจว่า คำตอบของกฤษฎีกาออกมาว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet  ไม่ขัดต่อกฎหมาย  เนื่องจากกระทรวงการคลังสอบถามถึงข้อกฎหมาย ไม่ได้ถามเรื่องว่าเศรษฐกิจไทยวิฤกตหรือไม่ ไม่วิกฤต เพราะกฤษฎีกาไม่มีหน้าที่ตอบอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากได้คำตอบจากกฤษฎีการแล้ว หากได้คำตอบว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย กระทรวงการคลังก็จะเดินหน้ายกร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท 

“คาดว่าจะใช้เวลายกร่างประมาณ 1-2 อาทิตย์ เมื่อแล้วเสร็จจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และคาดว่าภายในช่วงต้นปี 2567 จะเข้าสู่การประชุมของสภา และ สว. ได้ ซึ่งหากไม่มีอุปสรรค หรือฟ้องร้องก็คาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดภายในเดือน เม.ย. และโครงการจะเดินหน้าตามกำหนดการ พ.ค. 2567” นายจุลพันธ์ กล่าว
 

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ขยายตัวที่ 3.8% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.4% หรือให้น้ำหนักโครงการเงินดิจิทัลมีผลต่อจีดีพีต่ำเพียง 0.6% เพราะเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาในการดำเนินโครงการที่เปลี่ยนไปจากกำหนดเดิมในเดือน ก.พ. เป็น พ.ค. 2567 นั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ แต่เราไม่ได้มองแค่นั้น เรามองเรื่องกำลังซื้อ เงินยังอยู่ในระบบ สร้างให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจยาวนานอย่างน้อย 3 รอบ ซึ่งจะมีกลไกลอื่นเข้ามาด้วย ตั้งเป้าปีหน้าเฉลี่ยโต 5% เพราะไม่รู้จะดีเดย์ถึงเมื่อไร เช่น มีคนยื่นตีความ ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ แต่มีผลไม่คิดถอย ดำเนินโครงการให้ได้ เราจะทำเต็มที่ หากผลออกมาทำไม่ได้ ก็ต้องมาดูเหตุผลประกอบ เช่น เศรษฐกิจไม่วิกฤต เราก็ต้องรอดูกันต่อไป รอให้สถานการณ์มันชี้ชัดกว่านี้ ก็อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป