'3 Know' สร้างโอกาสลงทุน เพิ่มศักยภาพแข่งขันตลาดอาเซียน

     นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวบนเวทีกรุงเทพธุรกิจ ฟอรั่ม : “ASEAN Economic Outlook 2025 : The Rise of ASEAN” ในหัวข้อ Investment Opportunities in ASEAN ว่า โอกาสการลงทุนอาเซียนในอนาคต ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้ว่าอาเซียนเป็นกลุ่มประเทศที่น่าสนใจ เนื่องด้วย 1.มีความเป็นกลางท่ามกลางความผันผวน 2.ความได้เปรียบด้านโลจิสติกส์ แรงงานฝีมือ ค่าจ้างไม่สูง เป็นต้นซึ่งสอดคล้องกับนโยบายนายกฯที่พร้อมให้การสนับสนุน

     ซึ่งนักธุรกิจไทยมีโอกาสไปลงทุนในอาเซียน หากพิจารณาจาก IMF มองอีก 5 ปีข้างหน้า อาเซียนจะเติบโต 4.6% แซงหน้าเศรษฐกิจโลกที่เติบโต 3.1% ในมุมนักธุรกิจไทยเรามีความเก่งและจุดแข็งถือเป็นโอกาสของนักธุรกิจไทย 

     ตลาดที่ใหญ่หากเทียบจากจำนวนประชากรจะเห็นว่า เวียดนาม มีประชากรราว 98.9 ล้านคน ในปี 2035 มีโอกาสเพิ่มเป็น 107 ล้านคน และ อินโดนีเซีย จำนวน 277 ล้านคน ในปี 2045 แตะระดับ 317 ล้านคน ขณะที่โอกาสของธนาคารพาณิชย์ พบว่า อินโดฯขาดโอกาสการเข้าถึงบริการถึง 48.2% เวียดนาม 43.7% จีน 11.3% ไทย 4.4% ถือว่ามีโอาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายงานบริการได้อีกจำนวนมาก

     นั่นจึงเป็นที่มาของการออกไปหาน่านน้ำใหม่ๆเพื่อขยายธุรกิจ ระหว่างการหาน่านน้ำใหม่เราอาจเจอพายุมรสุม และหากเจอน่านน้ำนั้นแล้วก็ตามจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นอย่างที่คิด หรือใต้น้ำมีผู้แข่งขันอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมตัวเพื่อชนะน่านน้ำแห่งใหม่  

     ข้อมูลระหว่างปี 1998-2022 ตลาดที่มีขนาดใหญ่ ถือว่ามีโอกาสมากมาย แต่ไม่จำเป็นว่าคนที่ไปจะประสบความสำเร็จ อย่าง ตลาดจีน มีแบรนด์ใหญ่เข้าไปเจาะในตลาดอย่างมาก แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จก็มี ขณะที่ตลาดอินโดนีเซียกับเวียดนาม อย่าง คาร์ฟู กับ ลอตเต้ เข้าไปเจาะตลาดอาจจะสู้คู่แข่งโลว์คอลไม่ได้ นั่นหมายความว่านอกจากจะมีโนวฮาว แต่พอไปเปิดตลาดใหม่เราต้องพร้อมปรับเปลี่ยนเช่นกัน

     "พอเราเก่ง รู้จริง ก็ต้องรู้ว่าจะไปตลาดประเทศไหน และพฤติกรรมลูกค้าเป็นอย่างไร และโนว ฮู รู้จักเรกกูเลเตอร์ และสุดท้ายการมีโลคอลพาร์ทเนอร์ที่ดีที่จะร่วมหัวจมท้ายกับเรา ฯลฯ ถ้าเราสามารถผลักดันไทยไปต่างประเทศได้ การที่จะไปในอาเซียนเชื่อว่าไม่มีนักธุรกิจในประเทศใดที่จะสำเร็จเท่าประเทศไทย ขอให้ Knows How , Knows Where , Knows Who"