posttoday

IFAD เลือกไทยตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกแห่งเดียว

14 ตุลาคม 2567

ตอกย้ำประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางที่ตั้งขององค์การชำนัญพิเศษด้านเกษตรและอาหารของสหประชาชาติ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี

          เมื่อวันที่ 13  ต.ค. 2567 เวลาท้องถิ่น ณ กรุงโรม ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายถาวร ทันใจ ผู้ตรวจราชการฯ นายพุทธพร อิ้วตกส้าน เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโรม พร้อมด้วย นางสาวปทุมวดี อิ่มทั่ว สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโรม นางสาวไปรยา เศวตจินดา ผู้อำนวยการสำนักการเกษตรต่างประเทศ และคณะ เข้าพบนาย Alvero Lario ประธานกองทุนระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม (IFAD) ภายใต้องค์การสหประราชาติ เพื่อร่วมลงนามเอกสารข้อตกลงในการจัดตั้งสำนักงาน IFAD ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ในประเทศไทย ณ สำนักงานใหญ่  IFAD ประจำกรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี

          ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า การจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกของ IFAD ครั้งนี้ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางที่ตั้งขององค์การชำนัญพิเศษด้านเกษตรและอาหารของสหประชาชาติ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี (UN Rome-based Agencies) ครบทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) โครงการอาหารโลก (WFP) และกองทุนระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม (IFAD) โดย IFAD จะเป็นหน่วยงานของ UN แห่งที่ 22 ที่มีสำนักงานภูมิภาคตั้งในไทย 

          นาย Alvero กล่าวว่าการที่ IFAD เลือกประเทศไทยให้เป็นที่ตั้งสำนักงาน IFAD ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเพียงหนึ่งเดียว เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการเกษตรของเอเชีย มีบุคคลากรที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญด้านการเกษตร พร้อมที่จะดำเนินการแลกเปลี่ยนความร่วมมือกันต่อไปในอนาคต 

IFAD เลือกไทยตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกแห่งเดียว

          นอกจากนี้ ผู้แทนไทยและ IFAD ได้หารือเพื่อขยายความร่วมมือการลงทุนเพื่อการพัฒนาภาคเกษตรและอาหารของไทย โดยเฉพาะด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย เด็ก สตรีในภาคเกษตรและชนบท ต่อไป

          ศ.ดร.นฤมล กล่าวเพิ่มอีกว่า การมีหน่วยงานของสหประชาชาติ พิจารณาจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทยครั้งนี้ จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ บทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ และยังแสดงถึงความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่มีต่อไทยอีกด้วย