“คลัง” ชงพักดอกเบี้ยยาว 3 ปี-ชำระต้นครึ่งเดียว แก้หนี้ครัวเรือนกว่า 1 ล้านราย
พิชัย รมว.คลัง เสนอแบงก์พาณิชย์ แก้หนี้กลุ่มลูกหนี้ที่มีค้างชำระไม่เกิน 1 ปี ชงพักดอก 3 ปี ผ่อนเงินต้นครึ่งเดียว คาดช่วยลูกหนี้ได้ 1 ล้านราย เผยฝั่งแบงก์ไม่ขัด พร้อมเร่งหาแนวทางชดเชยความเสียหายให้แบงก์ พร้อมชงธปท.ผ่อนปรนเกณฑ์ LTV
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ตัวแทนของกระทรวงการคลังหารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ว่า ในการหารือเบื้องต้นมีข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้เสียสำหรับรายย่อย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน แบ่งเป็น
1. การปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้
2. การเข้าถึงสินเชื่อในระบบเพิ่มเติม โดยการให้ความช่วยเหลือจะเน้นไปที่กลุ่มลูกหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (SM) ซึ่งมีหนี้ค้างชำระระหว่าง 1-3 เดือน และกลุ่มหนี้เสียไม่เกิน 1 ปีด้วย ซึ่งกลุ่มนี้มีประมาณ 1 ล้านกว่าราย
ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกหนี้กลุ่มนี้ยังสามารถอยู่ได้ ดังนั้นแนวทางเบื้องต้นจะเสนอให้ไม่พักดอกเบี้ยดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี และจะให้มีการผ่อนเฉพาะเงินต้น โดยให้จ่ายเพียงครึ่งเดียวด้วย รวมถึงจะมีการขยายระยะเวลาการผ่อนชำระให้ยาวขึ้น ซึ่งมองว่าถ้าข้อสรุปออกมาได้อย่างนี้ก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี แต่ลูกหนี้กลุ่มนี้จะต้องเข้าไปอยู่ในเครดิตบูโร ส่วนจะสามารถเข้าถึงสินเชื่อใหม่ได้หรือใหม่ ต้องให้เป็นหน้าที่ของสถาบันการเงินในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้หรือไม่ โดยคงต้องไปดูความสามารถในการจ่ายหนี้ และรายละเอียดอื่น ๆ ประกอบ
ตรงนี้เป็นเพียงข้อหารือในเบื้องต้น ซึ่งแบงก์ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ซึ่งแนวทางที่คุยกันคือ ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย 3 ปี ที่เหลือก็จะผ่อนเงินต้น และให้ผ่อนแค่ครึ่งเดียว ขยายเวลาผ่อนให้ยาวขึ้น แปลว่านอกจากจะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแล้ว ยังจ่ายเงินต้นแค่ครึ่งเดียว และยังไปลดเงินต้นด้วย ถ้าข้อสรุปสุดท้ายออกมาเป็นอย่างนี้ก็จะดี ลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระเกิน 1 ปีนั้น อาจจะต้องเอาไว้ก่อน เพราะมองแล้วว่าคงจะแก้ไขให้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ยากกว่า ส่วนแหล่งเงินมาจากตรงไหน ทางภาครัฐและสถาบันการเงินมีโซลูชั่นที่จะดำเนินการแล้ว
นอกจากนี้ จะมีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าจะสามารถผ่อนปรนเกณฑ์มาตรการ LTV ในภาคอสังหาริมทรัพย์ได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อยากให้ ธปท. ไปพิจารณา เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ซึ่งจะต้องเร่งสรุปรายละเอียดทั้งหมดโดยเร็วที่สุด