posttoday

หุ้นไทยวิ่งต่อ ไตรมาส 4 พุ่งรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เป้าสิ้นปีนี้ 1,450 จุด

04 กันยายน 2567

ตลาดหุ้นไทยเตรียมวิ่ง ไตรมาส 4/67 พุ่ง รับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ ไฮซีซั่นท่องเที่ยว เงินทุนไหลเข้า ส่วนปัจจัยต่างประเทศจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย หลังดัชนีภาคการผลิตต่ำคาด-หุ้นอินวิเดียร่วง-ราคาน้ำมันดิบดิ่ง กระทบระยะสั้น เป้าสิ้นปีนี้ 1,450 จุด

จากปัจจัยภายนอก ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐร่วงแรงวานนี้ เป็นผลจากวิตกเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย หลังสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือน ส.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.2 จากระดับ 46.8 ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 แต่ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.อยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 47.5 นอกจากนี้ ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

ด้านเอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยข้อมูลในทิศทางเดียวกันว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.9 ในเดือน ส.ค. จากระดับ 49.6 ในเดือน ก.ค. โดยดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตสหรัฐฯ อยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 2

ประกอบกับหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ร่วงลงเกือบ 10% ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของอินวิเดียทรุดตัวลง 2.79 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 2.65 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมาร์เก็ตแคปของอินวิเดียร่วงลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคารที่ 3 ก.ย. โดยปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือน หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าข้อพิพาทด้านการเมืองในลิเบียมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังจากที่ข้อพิพาทดังกล่าวได้ส่งผลให้ลิเบียระงับการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ มีปัจจัยความกังวลเรื่องน้ำท่วมเข้ามากดดัน เนื่องจากหวั่นว่าจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554  

ดังนั้น “โพสต์ทูเดย์” จึงได้สอบถามความมุมมองนักวิเคราะห์ถึงปัจจัยกดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศดังกล่าว ที่มีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2567 

“สุวัฒน์ สินสาฎก” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์ ลูกค้าสถาบัน บล.บียอนด์ เปิดเผยว่า จากปัจจัยดังกล่าวคาดจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง อยู่ที่ 1,320 จุด ส่วนการโปรดเกล้า ครม. แพทองธาร ในวันนี้ (4 ก.ย.) ก็จะเป็นปัจจัยบวกให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไม่มากอย่างที่จะควรเป็น แต่ก็ต้องดูว่าเขาจะทำอะไรได้บ้าง จากนั้นตลาดหุ้นไทยอาจจะกลับขึ้นมาใหม่ได้ในช่วงครึ่งเดือน หรือ 2 สัปดาห์   

“คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงจากปัจจัยกดดันทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศดังกล่าว แต่ปรับตัวลงไม่มากนัก ไม่หลุด 1,300 จุด และก็กลับขึ้นมาใหม่ได้ภายในเดือนนี้ แต่อัพไซด์ก็อาจจะไม่มาก คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 1,320-1,370 จุด เพราะตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว” 

ทั้งนี้ ประเมินว่าเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นไตรมาส 3/2567 จะอยู่ที่ 1,370 จุด และสิ้นปี 2567 จะอยู่ที่ 1,450 จุด โดยมองว่าดัชนีจะปรับขึ้นในไตรมาส 4/2567 จากปัจจัยบวกต่างๆ ทั้งรัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ, ท่องเที่ยว, FDI และ Fund Flow ไหลเข้า ถ้าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ย 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “ซื้อเมื่อย่อ” จังหวะซื้อที่ระดับ 1,320-1,330 จุด เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยไม่ได้เป็นตลาดหมี (Bear Market) แต่แค่ปรับฐาน เพราะขึ้นมาค่อนข้างมาก จากนั้นจะดีดตัวกลับขึ้นมา

“ภูวดล ภูสอดเงิน” ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากตลาดหุ้นโลกมากนัก เนื่องจาก Valuation ค่อนข้างถูก รวมทั้งมีปัจจัยเฉพาะในประเทศที่คลี่คลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเมืองที่มีดูมีเสถียรภาพมากขึ้น และโปรดเกล้า ครม. ใหม่ ก็น่าจะเห็นการขับเคลื่อนนโยบาย 

โดยเฉพาะตัวงบประมาณที่มีการผ่านร่างจาก สส.มาในวาระที่ 2 เข้าสู่วาระที่ 3 คาดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ทำให้ทันใช้งบประมาณ ไม่ได้ล่วงเลยไปประมาณ 5-6 เดือน เหมือนปีที่แล้ว ส่งผลให้ในไตรมาส 4/2567 มีแรงหนุนจากการใช้งบประมาณเข้ามา และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ดิจิทัล วอลเล็ต ที่จะแจกเป็นเงินสด ก็จะกระตุ้นภาคบริโภค 

อย่างไรก็ตาม มีความกังวลในเรื่องของการส่งออก มองว่าในไตรมาส 4/2567 จะมีแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่จะแข็งค่าต่อเนื่อง และเศรษฐกิจคู้ค้าที่ได้รับแรงกดดัน 

ส่วนประเด็นเรื่องน้ำท่วม ต้องรอดูผลกระทบก่อน แต่คนยังไม่ได้กังวลในเรื่องนี้มากนัก มองว่าไม่น่าเกิดน้ำท่วมหนักเท่ากับปี 2554 เพราะมีการบริหารจัดการที่มีการลงทุนเพิ่มาในช่วงที่ผ่านมา 

“ตอนนี้ตลาดเล่นไปกับปัจจัยบวกก่อน ที่ประมาณ 1,370-1,375 จุด ส่วนเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นปลายปีนี้ ประเมินไว้ที่เกือบ 1,400 จุด หุ้นที่น่าจะได้รับผลบวกในไตรมาส 4/2567 กลุ่มอุปโภคบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะค้าปลีก เช่น CPAXT, CPALL, CBG และกลุ่มท่องเที่ยว รับไฮซีซั่นในไตรมาส 4/2567 และธีมการเคลื่อนย้ายการลงทุน ภาพระยะกลาง เป็นผลบวกกับ WHA ยังคงต้องติดตามการเลือกตั้งสหรัฐว่าจะมีสงครามการค้ามากน้อยแค่ไหน” 

“ณัฐพล คำถาเครือ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของปีนี้ มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ และภาวะ Under-Owned ตลาดหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงได้แรงหนุนจากการซื้อของกองทุนวายุภักษ์

ประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย สิ้นปี 2567 อยู่ที่ระดับ 1,450 จุด แนะนำหุ้น Domestic Play เช่น CPAXT, BJC, KBANK, GPSC, TIDLOR