posttoday

"นายกฯอิ๊งค์" จุดพลุหุ้นไทยทะลุ 100 จุด ... ยืนเหนือ 1400 โอกาส รึ ความเสี่ยง ?

06 กันยายน 2567

ชัดเจน! "นายกฯอิ๊งค์" ดันดัชนีหุ้นไทยทะลุ 100 จุด กลับมายืนเหนือระดับ 1,400 จุดสำเร็จ สอดรับข่าวดีกองทุนวายุภักษ์และแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตมาแน่ สวนทางช่วงที่มี "นายกฯ เศรษฐา" จากดัชนีหุ้นยืนเด่นระดับสูงกลับร่วงสู่จุดต่ำ ลดลงกว่า 250 จุด

     ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!! นับตั้งแต่วันที่ได้ "นายกฯอิ๊งค์" ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น +101.28 จุด คิดเป็น +7.77% มูลค่าการซื้อขาย เพิ่มขึ้น 46,073.88 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) เพิ่มขึ้นถึง 1,252,558.92 ล้านบาท 

     นับตั้งแต่วันแรกที่ สภาฯเปิดโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในวันที่ 16 ส.ค.2567 ซึ่งเป็นไปตามคาด "แพทองธาร ชินวัตร" ได้รับเลือกดำรงตำแหน่ง "นายกฯคนที่ 31" จุดพลุดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายเพิ่มขึ้น 13.16 จุด แตะระดับ 1,303 จุด คิดเป็น +1.02% มูลค่าการซื้อขาย 35,690.97 ล้านบาท Market Cap. ที่ 16,136,815.26 ล้านบาท

     จวบจนล่าสุดวันที่ 5 ก.ย.2567 ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายแตะระดับ 1,404.28 จุด เพิ่มขึ้น +38.79 จุด คิดเป็น +2.84% มูลค่าการซื้อขาย 81,764.85 ล้านบาท Market Cap. ที่ 17,389,374.18 ล้านบาท

     ตลอดระยะเวลา 15 วันทำการ (ระหว่างวันที่ 16ส.ค.-5ก.ย.2567) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดสูงสุดที่ 1,404.28 จุด ในวันที่ 5 ก.ย.2567 และ ดัชนีปิดต่ำสุด 1,303 จุด ในวันที่ 16 ส.ค.2567

     ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายรวม 15 วัน อยู่ที่ 714,160.19 ล้านบาท มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันราว 47,610.68 ล้านบาท โดยมูลค่าซื้อขายสูงสุด แตะระดับ 81,764.85 ล้านบาท ในวันที่ 5 ก.ย.2567 และต่ำสุด 33,189.68 ล้านบาท ในวันที่ 2 ก.ย.2567

\"นายกฯอิ๊งค์\" จุดพลุหุ้นไทยทะลุ 100 จุด ... ยืนเหนือ 1400 โอกาส รึ ความเสี่ยง ?

     ร่วงต่ำ!

     ผิดกับช่วงที่ "เศรษฐา ทวีสิน" เข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 ในวันแรกตลาดหุ้นไทยให้การตอบรับเป็นอย่างดี ดัชนีปิดการซื้อขายในวันที่ 22 ส.ค.2566 แตะระดับ 1,545.60 จุด เพิ่มขึ้น 19.75 จุด หรือราว 1.29% มูลค่าการซื้อขาย 71,930.58 ล้านบาท Market Cap. ที่ 18,954,667.37 ล้านบาท 

     จากนั้นด้วยสถานการณ์ต่างๆไม่สู้ดีนัก ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สุดท้ายในวันที่ 14 ส.ค.2567 ทันทีที่ "ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ "เศรษฐา ทวีสิน" พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" ดัชนีหุ้นไทยร่วงปิดที่ 1,292.69 จุด ลดลง -5.10 จุด คิดเป็น -0.39% มูลค่าการซื้อขาย 53,414.91 ล้านบาท Market Cap. ที่ 16,011,364.86 ล้านบาท

     หากเปรียบเทียบความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่วันแรกที่มีนายกฯเศรษฐา จบจนวันสุดท้ายในบทบาทของนายกฯ พบว่า หุ้นไทยระหว่างวันที่ 22 ส.ค.2566 ถึง 14 ส.ค.2567 ปรับตัวลดลงในทุกด้าน ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงถึง -252.91 จุด คิดเป็น -16.6% มูลค่าการซื้อขายลดลง -18,515.67 ล้านบาท โดยมี Market Cap. ลดลง -2,943,302.51 ล้านบาท 

     ตลอดระยะเวลา 239 วัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดสูงสุดที่ 1,576.67 จุด ในวันที่ 30 ส.ค.2566 และ ดัชนีปิดต่ำสุด 1,274.01 จุด ในวันที่ 6 ส.ค.2567

     ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายรวม 239 วัน อยู่ที่ 10,475,001.97 ล้านบาท มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันราว 43,828.46 ล้านบาท โดยมูลค่าซื้อขายสูงสุด แตะระดับ 86,353.73 ล้านบาท ในวันที่ 31 ส.ค.2566 และ ต่ำสุดที่ 21,857.77 ล้านบาท ในวันที่ 25 ธ.ค.2566

\"นายกฯอิ๊งค์\" จุดพลุหุ้นไทยทะลุ 100 จุด ... ยืนเหนือ 1400 โอกาส รึ ความเสี่ยง ?

     ถามว่า ตลาดหุ้นไทยจากนี้จะเป็นอย่างไร ?

     ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้ (6 ก.ย.2567) อยู่ที่ 1,426.80 จุด เพิ่มขึ้น 22.52 จุด คิดเป็น +1.60% มูลค่าการซื้อขาย 56,940.90 ล้านบาท โดยดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,429.27 จุด และลดลงต่ำสุด 1,412.76 จุด

     ดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดรับกับที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบ 309 : 155 เสียง โหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2568 จากนี้จะส่งให้ สว. เพื่อพิจาณา ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯช่วงกลางเดือน ก.ย.67 ขณะที่การเบิกจ่ายงบปี 2567 น่าจะมีการเร่งอัดฉีดเม็ดเงินออกมาภายในเดือน ก.ย.นี้ก่อนจะสิ้นสุดในไตรมาส 3/67 ซึ่งตัวเลขล่าสุดมีการใช้จ่ายเพียง 50% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมด

     นั่นหมายความว่า การใช้จ่ายภาครัฐที่ติดหล่มมานานนั้นผ่อนคลายมากขึ้น ความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีมากขึ้นจากความคาดหวังเม็ดเงินลงทุนภาครัฐเพิ่มขึ้น

     นอกจากนี้ยังมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล "นายกฯอิ๊ง" ที่เร่งดำเนินการ ทั้ง กองทุนรวมวายุภักษ์ และ โครงการแจกเงิน 10,000 บาท เป็นต้น ถือเป็นเชื้อไฟจุดพลังให้ตลาดหุ้นไทยได้เป็นอย่างดี 

     โดยเฉพาะ "กองทุนรวมวายุภักษ์ปี 2567" เข้ามาถูกที่ถูกทางยิ่งนัก หลายฝ่ายต่างคาดหวังเม็ดเงินเริ่มต้นวายุภักษ์ปีนี้จะสูงเทียบเท่าหรือสูงกว่า "กองทุนวายุภักษ์ปี 2546" ที่เริ่มต้นมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนผ่านกองทุนวายุภักษ์สูงถึง 7 หมื่นล้านบาท หลักๆมาจากสถาบันการเงินต่างๆ 5.1 หมื่นล้านบาท และบุคคลทั่วไป 1.5 หมื่นล้านบาท และอื่นๆอีก 4 หมื่นล้านบาท 

วายุภักษ์ปี 2546 เข้ามาเพียง 1 เดือน ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นถึง 19.5% สูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ขณะที่ในปี 2567 คาดมีเม็ดเงินเริ่มต้นไม่น้อยกว่า 7 หมื่นล้านบาทและทยอยเพิ่มขึ้นระดับ 1 - 1.5 แสนล้านบาท หากเป็นเช่นนั้นจริง เราอาจคาดหวังได้หรือไม่ว่า ดัชนีจะสามารถพุ่งทะลุปรอทได้มากกว่าปี 2546

     การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มก่อนตัดสินใจลงทุน!!