posttoday

เปิดเหตุผล CPAXT เปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น CPAXTT มีผล 20 ก.ย.นี้

17 กันยายน 2567

ทำไม? CPAXT เปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น CPAXTT มีผลตั้งแต่ 20 ก.ย.นี้ พร้อมหยุดเทรด 9 วัน 20 ก.ย.-2 ต.ค.67 แต่ไม่ใช่รายแรก TRUE ก็เคยทำมาก่อน จับตาการ Synergy หลังปรับโครงสร้าง

ตามที่ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ได้มีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงชื่อย่อหลักทรัพย์ของบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.2567 เป็นต้นไป โดยเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์เดิม “CPAXT” เป็น ชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่ “CPAXTT” 

นอกจากนี้ บริษัทจะขอหยุดพักการซื้อขายหุ้นของบริษัท เป็นเวลา 9 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.2567 ถึงวันที่ 2 ต.ค.2567 เพื่อเตรียมการเกี่ยวกับการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท และ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (Ek-Chai) ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมใน CPAXT ต่อ 0.50 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมใน Ek-Chai ต่อ 10.00 หุ้นในบริษัทใหม่ รวมถึงการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำหุ้นของบริษัทใหม่เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขึ้น SP หุ้น CPAXT วันที่ 20 ก.ย.-2 ต.ค. 2567 เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนควบบริษัท

สำหรับเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ จาก “CPAXT” เป็น “CPAXTT” ก็เพื่อให้บริษัทที่เกิดจากการควบรวมระหว่าง บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เป็นบริษัทมหาชนจำกัดขึ้นใหม่ (บริษัทใหม่) สามารถใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์เดียวกันกับบริษัท ซึ่งก็คือ CPAXT ได้

ขั้นตอนจากนี้จะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นร่วมระหว่างผู้ถือหุ้นของบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) และผู้ถือหุ้นของ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ในวันที่ 23 ก.ย.2567 เพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับการควบบริษัท ตามมาตรา 148 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม)

ภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นร่วมและการจดทะเบียนการควบบริษัทแล้วเสร็จ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด จะหมดสภาพจากการเป็นนิติบุคคล ขณะเดียวกัน หุ้นของ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) จะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 

ขณะที่บริษัทใหม่ จะยื่นคำขอต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รับหุ้นของบริษัทใหม่เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทน โดยบริษัทใหม่จะใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์เดียวกันกับบริษัท คือ CPAXT และใช้ชื่อบริษัทเดียวกันกับบริษัท คือ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) 

ส่วนทุนของบริษัทใหม่ 10,427,661,800 บาท ซึ่งเท่ากับทุนชำระแล้วทั้งหมดของ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด “Ek-Chai) รวมกัน โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวนทั้งสิ้น 10,427,661,800 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

พูดง่ายๆ ก็คือ “CPAXT” เปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่เป็น “CPAXTT” แค่ในช่วงหยุดเทรดวันที่ 20 ก.ย.-2 ต.ค.2567 เท่านั้น ที่จะทำธุรกรรมควบบริษัทระหว่าง CPAXT (ธุรกิจค้าส่ง) และ Ek-chai (ธุรกิจค้าปลีก) เป็นบริษัทใหม่ เพื่อให้เป็นบริษัทใหม่สามารถใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์เดิมได้ ก่อนกลับมาเทรดด้วยชื่อย่อหลักทรัพย์เดิม “CPAXT” ภายใต้บริษัทใหม่ ที่ยังคงใช้ชื่อเดิม “บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)” ในวันที่ 3 ต.ค.67

ย้อนกลับไป การเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ในลักษณะดังกล่าวไม่ใช่ CPAXT ที่ทำเป็นรายแรก แต่ TRUE ก็เคยทำมาก่อนหน้านี้ โดยเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จาก “TRUE” เป็น “TRUEE” ในช่วงควบบริษัทระหว่าง DTAC และ TRUE ก่อนจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา ใช้ชื่อบริษัทเป็น “บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” เหมือนเดิม และกลับมาใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “TRUE” ตามเดิม หลังจากที่บริษัทใหม่เข้ามาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้

มุมมองนักวิเคราะห์

นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุว่า มองเป็นกลางต่อความคืบหน้าในการควบบริษัทของกลุ่ม CPAXT เพราะเป็น Timeline เดิมอยู่แล้วไม่เหนือความคาดหมาย ทั้งนี้ จำนวนหุ้นของบริษัทใหม่ที่จะลดลงเล็กน้อยเหลือ 10,427.7 ล้านหุ้น จากปัจจุบัน 10,580.3 ล้านหุ้น คาดจะมีผลต่อราคาเปิดของหุ้นบริษัทใหม่วันแรก (3 ต.ค.2567) ควรสูงกว่าราคาปิดก่อนหยุดเทรดชั่วคราว (ราคาปิดวันที่ 19 ก.ย.2567) ราว +1.5% เช่น หากราคาปิด 19 ก.ย.2567 อยู่ที่ 33 บาท/หุ้น ควรเห็นบริษัทใหม่เปิดซื้อขายที่ราคา 33.5 บาท/หุ้น

สิ่งที่ต้องติดตามหลังปรับโครงสร้าง คือ ความคืบหน้าในการเกิด synergies โดยตอนต้นปีที่ผ่านมา ผู้บริหารประเมินการควบกิจการ CPAXT และ Ek-chai จะลดต้นทุนซ้ำซ้อนได้ 1% ของยอดขายหรือคิดเป็นราว 5,000 ล้านบาท ภายใน 2-3 ปี (แบ่งเป็นผ่านงบกำไรขาดทุนและงบลงทุนอย่างละ 50%) โดยคาดปี 2567 ประหยัดต้นทุนนำเข้าได้ทันที 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเกิดในช่วง 2 ปีถัดไป ในขณะที่รวม synergies ในประมาณการราว 50%ของเป้าหมายของบริษัท โดยทยอยรับรู้ตั้งแต่ปี2568-2570

ดังนั้น คงคาดกำไรปกติปี 2567 ที่ 10,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน โดยคาดครึ่งหลังปี 2567 จะเติบโตทั้ง y-y และ h-h ตาม 1) SSSG ที่บวกต่อเนื่อง โดยเดือน ก.ค.-ต้นเดือน ก.ย.2567 ยังเพิ่มขึ้น 1-3% ทั้งธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีกไทย และเพิ่มขึ้น 3-5% สำหรับธุรกิจค้าปลีกในมาเลเซีย ส่วนไตรมาส 4/2567 จะเร่งขึ้น เพราะได้มาตรการกระตุ้นรัฐ 2) GPM ค้าปลีกดีขึ้นตามส่วนผสมขายอาหารสด, การบริหารต้นทุนดีขึ้น และฤดูท่องเที่ยว และ 3) SG&A ค้าส่งจะขึ้นในอัตราต่ำลงหลังครบรอบปรับฐานขยายออนไลน์

แนะนำ “BUY” มีราคาเป้าหมายปี 2568 ก่อนและหลังควบบริษัทที่ 40 บาท/หุ้น และ 41 บาท/หุ้น ตามลำดับ ชอบ CPAXT ในมุมมองการเติบโตในระยะยาวที่จะได้อานิสงส์จากการปรับโครงสร้าง โดยคาดเกิด synergies 2,500 ล้านบาท ใน 3 ปี หนุนการเติบโตกำไรปกติปี 2568-2570 เป็น เพิ่มขึ้น 18%CAGR จากปี 2565-2567 เพิ่มขึ้น 15%