posttoday

SET เริ่มแพง หาจังหวะขายทำกำไร เคาะกรอบ 1,455-1,475 จุด เชียร์ PTTEP-TOP

25 กันยายน 2567

หุ้นไทย Valuation ไม่ถูก หาจังหวะขายทำกำไร แนะเทรดดิ้งระยะสั้น กลุ่มปิโตรเคมี - น้ำมัน - โรงกลั่น - Domestic Play ที่ Laggard โบรกคาดวันนี้แกว่งกรอบ 1,455 - 1,475 จุด เชียร์ซื้อ PTTEP - TOP

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.2% โดย Dow Jones , S&P500 ยังคงปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนนึงได้แรงหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.7% ขานรับจีนประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เมื่อวานที่ผ่านมาจีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายมาตรการ เบื้องต้นประกอบไปด้วยลดสัดส่วนการกันสำรองเงินของธนาคารพาณิชย์ที่ฝากไว้กับธนาคารกลางจีน (RRR) ปรับลงอีก 0.5% พร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 7 วันลงเหลือ 1.5% จากระดับ 1.7% และปรับลดวงเงินดาวน์สำหรับการซื้อบ้านหลังที่สอง

     นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าธนาคารกลางจีนประกาศให้บริษัทหลักทรัพย์ กองทุน บริษัทประกัน สามารถเพิ่มสภาพคล่องจากธนาคารกลางเพื่อนำเงินดังกล่าวไปซื้อหุ้นได้ ซึ่งปัจจัยข้างต้นหนุนให้ดัชนี CSI300 ปรับเพิ่มขึ้นมากถึง 4.2% อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาจีนก็ได้ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายมาตรการแต่สิ่งที่พบคือยังไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจจีนกลับมาขยายตัวอย่างแข็งแกร่งได้ สะท้อนผ่านการขยายตัวของเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวระดับต่ำ ยอดค้าปลีก ที่ขยายตัวต่ำรวมไปถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวลดลงเช่นกัน

     แต่ทั้งนี้ ระยะสั้นนักลงทุนก็มองบวกกับปัจจัยข้างต้น โดย Sector ของไทยที่จะได้ประโยชน์ ประกอบไปด้วยปิโตรเคมี (PTTGC, IVL) บรรจุภัณฑ์ (SCGP) ท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, CPALL, MINT) น้ำมัน (PTTEP) แต่ก็ให้น้ำหนักเป็นเพียงระยะสั้นมากกว่าโดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมีที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมียังมิได้ฟื้นตัวแข็งแกร่งมากนัก สำหรับสหรัฐฯเมื่อคืนรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค(CB)ที่ระดับ 98.7 แย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 104 นับเป็นการลดลงครั้งใหญ่ตั้งแต่ ส.ค.21 ผู้บริโภคกังวลกับการประกอบธุรกิจ พร้อมกับมุมมองต่อตลาดแรงงานที่อ่อนตัวและยังมีความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานในอนาคต

     ฝ่ายวิเคราะห์ยังมีมุมมองเป็นบวกน้อยลงเกี่ยวกับธุรกิจและรายได้ในอนาคต เมื่อถามถึงแผนการใช้จ่ายในอนาคตพบว่ามีแนวโน้มจะใช้จ่ายมากขึ้นใน Smart Phone , Laptop/PC รวมถึงแผนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ปรับดีขึ้นเล็กน้อย ภายหลังจากทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้ง อายุ 2 , 10 ปีปรับลงอย่างมีนัย และ Dollar Index อ่อนค่าต่อเนื่อง สะท้อนมุมมองเป็นลบเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจากนักลงทุน CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 58% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือน พ.ย.

     โดยสรุปตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่นักลงทุนยังเชื่อว่าจะเป็น Soft Landing อย่างไรก็ตามแนะติดตามตัวเลขใกล้ชิด เพราะหากมีสัญญาณชะลอตัวแรงจะเป็นปัจจัยกดดันในอนาคต

     ด้านผลประชุม ครม. วานนี้ได้มีมติจะไม่เก็บค่าไฟในพื้นที่อุทกภัยสำหรับเดือน ก.ย. และ ต.ค.จะให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า พร้อมขยายระยะเวลาพักหนี้เกษตรกร ซึ่งจะช่วยหนุนการบริโภคและเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, DOHOME, GLOBAL) 

วันนี้(25 ก.ย.67)ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,455-1,475 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนควรเริ่มมองฝั่งทำกำไรมากขึ้นจากระดับ Valuation ที่เริ่มไม่ถูกและดัชนีถือว่ารับข่าวดีไปพอสมควร

     อย่างไรก็ตาม การ Trading ระยะสั้นแนะนำกลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC) น้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP, SPRC, TOP) รวมถึง Domestic Play ที่ยัง Laggard (AOT, CPN, MINT)

     หุ้นแนะนำซื้อวันนี้ คือ หุ้น PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 181 บาท) กำไรสุทธิ 2Q24 อยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท (+14%YoY, +28%QoQ) หากตัดรายการพิเศษ กำไรจากค่าเงิน 19 ล้านเหรียญ อีกทั้งยังมีการตั้งด้อยค่า Oliver 30 ล้านเหรียญ ส่งผลให้กำไรปกติอยู่ที่ 2.34 หมื่นล้านบาท (+22%YoY, 19%QoQ)

     และ หุ้น TOP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 75 บาท) มีกำไรสุทธิงวด 2Q24 ที่ 5.5 พันล้านบาท (+69%YoY, -35%QoQ) มากกว่าอุตสาหกรรมและเราคาด โดย GIM 10.5US$/bbl (+69%YoY, -35%QoQ) โดนกดดันจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลงจากอุปทานที่กลับมาดำเนินการปกติ หลังจากปิดซ่อมฉุกเฉินในไตรมาสแรก ส่วนของธุรกิจ Aromatic ปรับตัวดีขึ้นจากอุปทานที่ปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส 2 โดยแนวโน้มในไตรมาสถัดไป Singapore GRM ปรับตัวขึ้น QoQ จากฐานที่ต่ำและเข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยวของสหรัฐฯ