posttoday

น้ำท่วม-ปัญหาตะวันออกกลางกดดัน SET แกว่งแคบ 1,445-1,460 จุด

08 ตุลาคม 2567

หุ้นไทยแกว่งกรอบแคบ เผชิญปัจจัยถ่วงเรื่อง "น้ำท่วม และ ปัญหาตะวันออกกลาง" โบรกเคาะกรอบดัชนี 1,445-1,460 จุด เน้น Trading ระยะสั้นจากความเสี่ยง Valuation - ดอกเบี้ยลดน้อยลงกดดัน Upside

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.94% รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงความกังวลในตะวันออกกลาง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 3.7% แรงกดดันหลักยังมาจากตะวันออกกลาง สถานการณ์ล่าสุดนั้นกลุ่มอิซบอลเลาะห์ได้ยิงจรวดโจมตีเมืองอิสราเอลต่อเนื่อง

     เมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อประจำเดือน ก.ย. ขยายตัว 0.6%YoY ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 0.75%YoY ปัจจัยสำคัญมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของเดือนก่อน รวมถึงผักสดได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย

     อย่างไรก็ตาม ราคาแก๊สโซฮอล์และน้ำมันเบนซินปรับลดลงตามราคาน้ำมันตลาดโลก และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าดัชนีราคาผู้บริโภคปรับลง0.1%MoM ทั้งนี้ราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ปรับตัวขึ้น 2.25%YoY ตามการปรับขึ้นของราคาสินค้ากลุ่มข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง (+1.4%YoY) เพราะราคาข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียวปรับขึ้น ขณะที่ราคาผักสดขยายตัว 13%YoY ตามการปรับขึ้นของมะเรือ พริกสด แตงกวา ส่วนหนึ่งคาดว่าเกิดจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น นอกจากนี้กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านสูงขึ้น (+2%YoY) จากการสูงขึ้นของราคากับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง ข้าวกล่อง

     ราคาสินค้าที่ลดลง ได้แก่ เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ โดยรวมมองเป็นปัจจัยกดดันต่อการบริโภค รวมถึงกลุ่มร้านอาหารตามต้นทุนที่สูงขึ้น (CENTEL, MINT) สำหรับสหรัฐฯเมื่อคืนมิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่รายงานอย่างมีนัยยะสำคัญแต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ Dow Jones -0.94% Nasdaq -1.18% รับแรงกดดันจากความกังวลดอกเบี้ยสหรัฐฯจะปรับลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้ก่อนหน้า รวมถึงแรงกดดันจากการปรับขึ้นของ US Bond Yield ซึ่งจะลดทอนความน่าสนใจตลาดหุ้น ข้อมูลจาก CME FED Watch

     ล่าสุดเริ่มมองถึงโอกาสในการคงดอกเบี้ยมากขึ้นด้วยความน่าจะเป็นราว 14% จากก่อนหน้าที่ 0% ส่วนโอกาสในการลดดอกเบี้ย 0.5% CME FED Watch มิได้ให้น้ำหนัก ส่วนโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% ลดลงมาอยู่ที่ 86% จากก่อนหน้าที่ 95% ในขณะที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นมาในเดือน ต.ค. จึงมีโอกาส ที่เงินเฟ้อในเดือน ต.ค. จะเร่งขึ้นมาซึ่งจะยิ่งลดทอนโอกาสลดดอกเบี้ย

     อย่างไรก็ดีด้วยแนวโน้มดอกเบี้ยปรับลดน้อยกว่าที่เดิมจะเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มธนาคาร (BBL KBANK KTB) คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญต้องติดตามเพราะนักลงทุนจะรอติดตามเพียงเงินเฟ้อสหรัฐฯในคืนวันพฤหัสบดี วันนี้ประเมิน SET INDEX กรอบ 1,445-1,460 จุด ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเพียงการ Trading ระยะสั้นจากความเสี่ยง Valuation รวมถึงดอกเบี้ยที่ลดน้อยลงจะเป็นปัจจัยกดดัน Upside หุ้นแนะนำเน้นที่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB TTB) น้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP)

     หุ้นแนะนำซื้อวันนี้ คือ PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 181 บาท) คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1.79 หมื่นล้านบาท (-1.2%YoY, -25.4%QoQ) ชะลอตัวลงตามราคาน้ำมันดิบเป็นหลัก โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยประจำไตรมาส 3 ที่ 78.5 US$/bbl (-4.1%YoY, -8%QoQ) หลักจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐและจีนชะลอตัวส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 47 US$/BOE (-3.4%YoY, -0.1%QoQ) ส่วนปริมาณขายอยู่ที่ 486 KBOED (+4%YoY, -4.1%QoQ) ลดลงเนื่องจากมีการปิดซ่อมโรงแยกก๊าซของปตท. แนวโน้มในไตรมาสถัดไปเราคาดว่าราคาน้ำมันทรงตัวในกรอบ 70-90 US$/bbl Downside ราคาน้ำมันดิบจำกัด จากการควบคุมอุปทานของ OPEC+

     BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 171 บาท) การขยายสินเชื่อทำได้ตามเป้าหมายขยายตัว 3-5% ในปี 2024 หลังจากโต 1.8% YTD ใน 1H24 หนุนจาก (1) สินเชื่อกิจการต่างประเทศ โดยเฉพาะสินเชื่อจากประเทศจีน ฮ่องกง และอินโดนีเซีย และ (2) สินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ที่การแข่งขันไม่รุนแรงมาก และสินเชื่อยังได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นกู้ที่ยังไม่เป็นปกติทำให้มีความต้องสินเชื่อจากลูกค้าบริษัทเพิ่มขึ้น

 

ตะวันออกกลาง-บาทอ่อนกดดัน

     บล.ดาโอ (ประเทศไทย) รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวันคาดหุ้นไทยแกว่งในกรอบ sideway มาระยะหนึ่งแล้วคือมีแรงซื้อท่ามกลางการขายของฝรั่งและเงินบาทอ่อน ทำให้ดัชนีฯขึ้นได้ไม่แรง วันนี้คาดตลาดยังคงสภาพเดิม กลยุทธ์ยังคงเป็นชะลอการลงทุน แต่ควรพร้อมซื้อหุ้นหรือเลือกซื้อหุ้นที่แข็งแกร่งเหนือตลาด หากตลาดมีสัญญาณกลับตัวขึ้นด้วยเหตุผลใดก็ตาม หุ้น 3 ตัว ที่ควรมี BDMS, SCB , AOT 

     โดยตัวแปรชี้นำตลาดที่สำคัญ คือ "สถานการณ์ตะวันออกกลาง และค่าเงินบาท(อ่อนจะเป็นลบ)" โดยการอ่อนค่าของเงินบาทเช้านี้ 33.4 บาท/ดอลล่าร์จะดีต่อหุ้นอิงส่งออก(ITC)แต่จะลบต่อหุ้นโรงไฟฟ้า ขณะที่ Fed มีโอกาสลดดอกเบี้ยได้น้อยลง จะเป็นลบต่อ REITs & Property Fund (กอง REITs ที่ ราคาตลาดสูงกว่า NAV อาทิ LHHOTEL, LPF, IMPACT, CPNREIT)

     MASTER(ซื้อ/เป้า 64บาท)กำไร 3Q24E โต YoY/QoQ, 4Q24E โตต่อจาก high season
     CPAXT(ซื้อ/เป้า 36บาท)กำไรสุทธิโต YoY แต่ลดลง QoQ จากรายการพิเศษ

     ขณะที่ "สถานการณ์ อิหร่าน-อิสราเอล" ตลาดหุ้นต่างประเทศไม่ได้กังวลกันมากขึ้น แต่หากมีการโจมตี(โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง)อาจจะมีผลต่อตลาดได้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่าถ้าเป้าหมายที่อิสราเอลโจมตีไม่มีนัยยะสำคัญ หรือเสียหายไม่มาก อิหร่านอาจไม่ตอบโต้อะไร ในกรณีนี้ตลาดหุ้นจะบวกเลย แต่ถ้าโจมตีแล้วสร้างความเสียหายที่มีนัยยะสำคัญ และอิหร้านตอบโต้จะลบกับตลาด ราคาน้ำมันดิบจะสูงขึ้น (แต่หุ้นน้ำมัน อาจไม่ขึ้นตาม เพราะคนกลัวผลกระทบด้านเศรษฐกิจ(Demand) มากขึ้น

     ตลาดหุ้นจีนจะกลับมาซื้อขายวันนี้(8 ต.ค.67)สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) จะจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับชุดนโยบายที่มีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฝ่ายวิเคราะห์ยังเห็นว่า ตลาดหุ้นจีน ยังมีแนวโน้มที่จะไปต่อได้ เม็ดเงินที่ยังโถมเข้าสู่ตลาดหลังราคาหุ้นส่วนใหญ่ลงมามาก แต่ตลาดหุ้นอินเดีย อาจถูกกระทบ ถ้าต่างชาติย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นจีน ส่วนตลาดหุ้นไทยได้อานิสงค์จากเศรษฐกิจจีนฟื้น

     ตลาดหุ้นสหรัฐฯถูกมองในเชิงบวก หลังตัวเลขการจ้างงาน ออกมาดีเกินคาด เมื่อวันศุกร์ โดย non-farm payroll เพิ่มขึ้นถึง 2.54 แสนตำแหน่ง (คาด +1.47) แม้โอกาสลดดอกเบี้ย 16 พ.ย. จะลดเหลือ 0.25% ก็ตาม ตลาดหุ้นที่ได้อานิสงค์ คือ ตลาดญี่ปุ่น และตลาดที่มีหุ้น Tech มาก ขณะที่ตลาดหุ้นอินเดีย จะถูกกระทบ (Flow เข้า EM ลดลง และบางส่วนน่าจะหันไปเข้าจีนแทน)

     ขณะที่สัปดาห์นี้นักลงทุนสหรัฐฯจะยังต้องรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ ทั้ง เงินเฟ้อผู้ผลิต (คาดจะทรงตัวที่ 1.7% yoy) และเงินเฟ้อผู้บริโภค (คาดลดลงจาก 2.5% เหลือ 2.3%) เงินเฟ้อหากลดลงน่าจะดีต่อตลาดมาก และวันที่ 9 ก่อนรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ จะมีรายงานประชุม FOMC เมื่อ 18 ก.ย.ออกมาด้วย แต่มีผลไม่มาก เนื่องจากสัญญาณลดดอกเบี้ยของ Fed นั้น ชัดเจนอยู่แล้ว

     นายกฯ ยืนยันยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายแผน แต่จะทยอยทำโครงการ ที่ยังค้างอยู่ถือ โครงการแจกเงิน เฟส 2 โดยดูสถานการณ์ประกอบ (เช่น น้ำท่วม หรือสงคราม)

     สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยตัวเลข CPI ไทย เดือน ก.ย. ขยายตัว 0.61% ต่ำกว่าคาดที่ 0.74-0.80% ปัจจัยขยายตัวจากราคาสูงขึ้นของน้ำมันดีเซล และผักสดบางชนิด นอกจากนี้ได้ปรับลดกรอบเงินเฟ้อลงอยู่ที่ 0.2-0.8% จากเดิม 0-1% ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า ด้วยภาวะน้ำท่วมและราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น อาจทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ต.ค.สูงขึ้น อีกทั้งมีฐานที่ต่ำของปีก่อนด้วย (เดือน ต.ค.66 -0.31% yoy)

     นายพิชัย รมว.พาณิชย์ ประกาศแผนหลังร่วมการประชุม ACD Summit ครั้งที่ 3 ดันไทยเป็น Data Center Hub ของอาเซียน หลัง Google ลงทุนในไทย และขณะนี้ไทยมีโครงการ Data Center และ Cloud Service ที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนกว่า 46 โครงการ มูลค่า 1.67 แสนล้านบาท

     คลังจ่อชง ครม. ขายหุ้น 20 บริษัททิ้งชี้การบินไทยไม่ควรกลับเป็นรัฐวิสาหกิจ รอเสนอ “พิชัย” รมว.คลัง เคาะก่อนชงเข้า ครม.อนุมัติในเดือน ธ.ค.นี้ นอกจากนี้ คลังเปิดเฮียริ่ง Entertainment Complex เสนอเปลี่ยนชื่อเป็น ร่าง พ.ร.บ.สถานประกอบการท่องเที่ยวครบวงจร เสนอให้กำหนดภาษีการพนันและค่าธรรมเนียมเข้าเล่นให้ชัดเจน คาดได้ข้อสรุปภายใน ต.ค.นี้