posttoday

แกะรอยหุ้น MPJ เสนอขายไอพีโอ 53 ล้านหุ้น จ่อเข้าเทรด mai ในไตรมาส 4/67

11 ตุลาคม 2567

“เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์” หรือ MPJ ลุยโรดโชว์ เตรียมเสนอขายไอพีโอ 53 ล้านหุ้น จ่อเคาะราคาไอพีโอและเปิดจองซื้อเร็วๆ นี้ คาดเข้าเทรด mai ในไตรมาส 4/67 นำเงินระดมทุนขยายลานกองตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่ 3 ขยายคลังสินค้า และเปิด Freight Forwarder เส้นทางใหม่เจาะยุโรป-อเมริกา

          นายเอกจักร บัวหภัคดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPJ เปิดเผยว่า MPJ มีแผนจะเข้าระดมทุนเพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 53 ล้านหุ้น คาดจะเคาะราคาเสนอขายและเปิดให้นักลงทุนจองซื้อเร็วๆ นี้ และจะนำหุ้นเข้าจทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 4/2567 ในอุตสาหกรรมบริการ

          MPJ เป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ที่มีธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ที่พร้อมเติบโตสูง จากการเตรียมเปิดลานตู้แห่งใหม่ที่ลาดกระบัง ขณะที่ธุรกิจคลังสินค้า และตัวแทนขายระวางเรือ คาดว่าจะขยายตัวสูง ในด้านผลการดำเนินงานมั่นคงสูง มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก 

          นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ

          ปัจจุบัน MPJ มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 73.50 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 147 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 53 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 26.50% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้

          นายจีระศักดิ์ มานะตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MPJ กล่าวว่า บริษัทให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ครอบคลุมการขนส่งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ โดยในปัจจุบันบริษัทมีบริการ 4 ประเภท ประกอบด้วย

          1) ธุรกิจให้บริการขนส่งทางบกต่อเนื่องกับทางเรือ ด้วยรถบรรทุกหัวลาก 237 คันและ หางพ่วง 268 คัน ซึ่งเป็นฟลีทใหญ่แห่งหนึ่งในเขตโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวัน ออก (EEC) เน้นเส้นทางระหว่างท่าเรือแหลมฉบังและ ICD ลาดกระบัง (สถานีบรรจุ และแยกสินค้ากล่อง) คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 50%

          2) ธุรกิจบริหารจัดการลานตู้คอนเทนเนอร์และซ่อมแซมตู้คอนเทนเนอร์ของผู้ให้บริการสายเรือ มีลานตู้คอนเทนเนอร์ 2 แห่งตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง ภายใต้ บริษัท เอ็ม พี เจ ดีสทริบิวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด (MPJDC) และบริษัท โอเอ็ม ดีโพ จำกัด (OM) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ OOCL Logistics (Hong Kong) Limited ผู้ให้บริการสายเรือ OOCL และ COSCO เพื่อการบริหารการจัดเก็บและดูแลตู้คอนเทนเนอร์ของกลุ่ม OOCL เป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 30%

          3) ธุรกิจบริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) จัดหาระวางเรือและเครื่องบิน คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 15%

          4) ธุรกิจคลังสินค้า บริการให้เช่าคลังสินค้า ขนาด 4,900 ตารางเมตร ในพื้นที่แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และขนาด 12,463 ตารางเมตร ในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยได้ทำการส่งมอบเฟสแรก เมื่อไตรมาส 2/2567 คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 5%

          สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนนำเงินไปใช้เพิ่มทุนในบริษัทย่อย MPJWD สำหรับการปรับโครงสร้างทุนของ MPJWD และการชำระเงินกู้ยืมระหว่างกลุ่มบริษัทและเงินกู้ยืมของสถาบันการเงิน, พัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (ERP), จัดหาซื้อรถหัวลาก หางพ่วงทดแทน, การปรับปรุงลานตู้ จัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ในลานตู้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

          โดยโครงการในอนาคตหลังเข้าจดทะเบียน บริษัทมีแผนขยายธุรกิจลานกองตู้คอนเทนเนอร์แห่งใหม่แห่งที่ 3 ในกรุงเทพฯ ย่านลาดกระบัง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3/2568 เป็นลูกค้ากลุ่มเดิมที่บริษัทให้บริการมายาวนาน 

          ขณะที่ธุรกิจคลังสินค้า มีแผนขยายคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ในพื้นที่แหลมฉบัง โดยคลังแห่งที่ 1 พื้นที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร และคลังแห่งที่ 2 พื้นที่ประมาณ 5,000 ตารางเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาหาลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายคลังสินค้าในพื้นที่จังหวัดระยอง เฟสที่ 2 พื้นที่ประมาณ 18,000 ตารางเมตร 

          ส่วนธุรกิจ Freight Forwarder ได้ขยายทีมขายและให้บริการเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเส้นทางยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายตลาด จากปัจจุบันเส้นทางหลักๆ จะอยู่ที่ทวีปเอเชีย คิดเป็นประมาณ 80%

          นายไพรัต ภูฆัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน MPJ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 2564-2566 บริษัทมีรายได้ 1,015 ล้านบาท 1,300 ล้านบาท 910 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 77 ล้านบาท 101 ล้านบาท 80 ล้านบาท ตามลำดับ 

          ขณะที่ผลการดำเนินงานใน 6 เดือนแรก ปี 2567 บริษัทมีรายได้ 456 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 38 ล้านบาท