posttoday

แฮร์ริสถล่มทรัมป์ จากวาทกรรม "ศัตรูภายใน" ชี้เป็นศัตรูของประชาธิปไตย

15 ตุลาคม 2567

คามาลา แฮร์ริส เปิดฉากโจมตีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างหนัก หลังปราศัยเกี่ยวกับ "ศัตรูภายใน" ของสหรัฐอเมริกา และข่มขู่ว่าจะส่งกำลังทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ภายในประเทศ ชี้เป็นภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตย

ในการปราศรัยหาเสียงที่มลรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งถือเป็นรัฐที่มีความสำคัญทางการเมือง คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ วัย 59 ปี ได้ทำสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก ด้วยการฉายคลิปวิดีโอของทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ที่กำลังกล่าวต่อผู้สนับสนุนว่า "คนพวกนั้นอันตรายยิ่งกว่า - ศัตรูภายใน - ยิ่งกว่ารัสเซียเสียอีก"

 

แฮร์ริสได้กดดันให้ทรัมป์เปิดเผยประวัติสุขภาพ เช่นเดียวกับที่เธอได้ทำไปแล้ว และยังวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ที่มักพูดวกวนและหมกมุ่นกับตัวละครในจินตนาการอย่างแฮนนิบาล เล็กเตอร์

 

"การที่ทรัมป์จะกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยนั้น จะเป็นความเสี่ยงครั้งใหญ่และอันตรายต่อสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์กำลังแสดงอาการไร้เสถียรภาพและควบคุมตัวเองไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ" แฮร์ริสกล่าวต่อกลุ่มผู้ชุมนุมในเมืองอีรี หลังจากเปิดคลิปดังกล่าว

 

เธอยังกล่าวต่อไปว่า ทรัมป์เป็นอันตราย เพราะเขาเชื่อว่าผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเขาคือศัตรู

แฮร์ริสถล่มทรัมป์ จากวาทกรรม \"ศัตรูภายใน\" ชี้เป็นศัตรูของประชาธิปไตย

 

ในการปราศรัยหาเสียงล่าสุด ทรัมป์ได้พูดเป็นนัยถึงการเผชิญหน้ากับ "ศัตรูภายใน" ที่อันตรายยิ่งกว่าศัตรูต่างชาติ

 

ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในรายการ "Sunday Morning Futures" ทางช่องฟ็อกซ์นิวส์ ผู้ดำเนินรายการมาเรีย บาร์โตโลโม ได้ถามทรัมป์ว่าเขาคาดว่าจะเกิด "ความวุ่นวาย" ในวันเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งทรัมป์ดูเหมือนจะบ่งชี้ว่าอาจมีการส่งกำลังทหารเข้าควบคุมพลเมือง

 

"ผมคิดว่าปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือศัตรูภายใน" ทรัมป์กล่าว "เรามีคนเลวร้ายมากมาย เรามีคนป่วย พวกคลั่งซ้ายสุดโต่ง"

 

เขากล่าวเสริมว่า "มันควรจะจัดการได้ง่ายๆ ถ้าจำเป็นก็ใช้กองกำลังรักษาดินแดน หรือถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ใช้กองทัพ เพราะพวกเขาไม่สามารถปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้"

แฮร์ริสถล่มทรัมป์ จากวาทกรรม \"ศัตรูภายใน\" ชี้เป็นศัตรูของประชาธิปไตย

 

การเดินทางมาเพนซิลเวเนียของแฮร์ริสในวันจันทร์นี้ นับเป็นครั้งที่ 10 นับตั้งแต่เธอได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตเมื่อเดือนกรกฎาคม คะแนนเสียง 19 คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งของรัฐนี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลการเลือกตั้ง

 

เธอเริ่มต้นการเยือนเมืองอีรีด้วยการแวะที่ร้านกาแฟของชาวผิวดำ เพื่อพูดคุยกับคนผิวดำ เนื่องจากทีมหาเสียงของเธอกังวลเกี่ยวกับการสนับสนุนที่ลดลงจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวผิวดำ

 

แฮร์ริสได้เปิดตัวข้อเสนอนโยบายใหม่ที่มุ่งเน้นชาวผิวดำเมื่อวันจันทร์ ซึ่งรวมถึงการให้กู้ยืมเงินสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่สามารถยกเว้นการชำระคืนได้ และการเข้าถึงอุตสาหกรรมกัญชาเพื่อสันทนาการที่ถูกกฎหมายใหม่

 

ทีมหาเสียงของแฮร์ริสและพรรคเดโมแครต รวมถึงอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งของชาวผิวดำว่าจะมีจำนวนเท่ากับการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ หรือไม่ และพวกเขาจะสนับสนุนแฮร์ริสหรือทรัมป์

 

จากผลสำรวจในเดือนกันยายนโดย NAACP องค์กรสิทธิพลเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ พบว่ากว่าหนึ่งในสี่ของคนหนุ่มสาวผิวดำกล่าวว่าพวกเขาจะสนับสนุนทรัมป์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับคะแนนเสียงจากชายผิวดำประมาณ 80% ในการเลือกตั้งปี 2020

 

ทั้งนี้ หากได้รับเลือก แฮร์ริสจะเป็นประธานาธิบดีผิวดำคนที่สอง และเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรก รวมทั้งเป็นคนแรกที่มีเชื้อสายเอเชียใต้ที่ดำรงตำแหน่งนี้