ตลาดหุ้นสหรัฐ ผันผวน เนื่องจากความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งสหรัฐฯ

การเลือกตั้งประธานาธิบดีทำให้ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคามาลา แฮร์ริส ต่างแย่งชิงความได้เปรียบในวันสุดท้ายของการแข่งขัน ซึ่งผลสำรวจระบุว่าใกล้เคียงกันมาก อาจต้องใช้เวลาหลายวันในการตัดสินผู้ชนะ

นักวิเคราะห์เชื่อว่านโยบายผู่อพยพ การลดภาษีเงินได้และเพิ่มภาษีศุลกากรของทรัมป์อาจสร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร และเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น ขณะที่แฮร์ริสถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่นโยบายเดิมยังคงดำเนินต่อไป

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ลดลง 216.69 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 41,835.50 จุด

ส่วนดัชนี S&P 500 (.SPX) หายไป 4.00 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 5,724.80 จุด

และดัชนี Nasdaq Composite ( .IXIC) เพิ่มขึ้น 8.94 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 18,248.85 จุด

ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเกือบ 3% เมื่อวันจันทร์ จากการตัดสินใจของ OPEC+ ในเรื่องแผนเพิ่มผลผลิตล่าช้าไปหนึ่งเดือน ในขณะที่นักลงทุนยังมุ่งเน้นไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.98 ดอลลาร์ หรือ 2.7% อยู่ที่ 75.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.98 ดอลลาร์ หรือ 2.85% เป็น 71.47 ดอลลาร์ 

ราคาทองคำขยับขึ้นในวันจันทร์ เนื่องจากความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งของสหรัฐฯ เกิดขึ้นพร้อมกับการกำหนดราคาของตลาดซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดผลการแข่งขันและความตึงเครียดทางการเมือง ในขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาดูการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปลายสัปดาห์นี้

ราคาทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.1% อยู่ที่ 2,737.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังทำสถิติสูงสุดที่ $2,790.15 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา