โลกมองไทย
ในช่วงต้นปี 2554 ที่ผ่านมาบรรดานักวิเคราะห์และสื่อต่างชาติต่างลุ้นระทึกว่า
ในช่วงต้นปี 2554 ที่ผ่านมาบรรดานักวิเคราะห์และสื่อต่างชาติต่างลุ้นระทึกว่า
ทางออกของสถานการณ์การเมืองของไทยจะเป็นไปในทิศทางใด โดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าตำแหน่งผู้นำประเทศคนต่อไปจะเป็นผู้หญิง
ชื่อของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงนับเป็นม้ามืดนอกสายตาที่ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ที่พรรคเพื่อไทยประกาศเปิดตัวตำแหน่งหัวหน้าพรรคที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งสู้กับอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์
ลอเรนซ์ ออสบอร์น คอลัมนิสต์จากนิตยสารข่าวนิวส์วีก แสดงความเห็นว่า ด้วยภาพลักษณ์ผู้หญิงทำงานที่คล่องแคล่ว มีความแข็งแกร่ง กล้าหาญ และพกพาความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม นับเป็นส่วนสำคัญยิ่งที่ทำให้ยิ่งลักษณ์สามารถเอาชนะใจคนส่วนใหญ่เข้ามานั่งบริหารประเทศได้
ทว่าคนส่วนใหญ่ที่ติดตามข่าวสารประเทศไทยมาโดยตลอดต่างรู้ดีว่าเหตุผลสำคัญที่ยิ่งลักษณ์ได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นก็คือ นามสกุล หรือหากจะพูดให้ตรงจุดก็คือ การที่ยิ่งลักษณ์เป็นน้องสาวร่วมสายเลือดของชายที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ลี้ภัยหรือหนีคดีอยู่ในดูไบ
ในทัศนะของออสบอร์น ระบุว่า ภูมิหลังของยิ่งลักษณ์ที่เป็นคนในตระกูลชินวัตร จึงไม่อาจเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า คะแนนที่ยิ่งลักษณ์ได้รับมาจากการที่ประชาชนนิยมชมชอบในตัวตนของตนเอง ไม่ใช่บารมีของพี่ชาย
คำถามที่ต้องตามกันต่อไปก็คือ ยิ่งลักษณ์จะช่วยพี่ชายให้กลับประเทศหรือไม่ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ไม่อาจจบลงได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ แต่ยิ่งลักษณ์จำต้องใช้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์
อย่างไรก็ตาม จากลักษณะและท่าทีที่ยิ่งลักษณ์แสดงออกมา ล้วนเป็นท่าทางของผู้หญิงที่คร่ำหวอดอยู่วงการบริหารอย่างโชกโชน ดังนั้นจึงน่าลุ้นไม่น้อยว่า ยิ่งลักษณ์จะประสานรอยร้าวและนำพาประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า ตามที่ศักยภาพประเทศไทยควรจะเป็นได้หรือไม่