“นายกฯอิ๊งค์” ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ติดตามความคืบหน้า "โครงการรถไฟทางคู่"
“นายกฯอิ๊งค์” ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ติดตามความคืบหน้า "โครงการรถไฟทางคู่" "วีริศ" เผย เร่งเดินหน้ายกระดับระบบขนส่งทางราง หนุนเศรษฐกิจชายแดนใต้
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ เพื่อเร่งรัดการพัฒนาระบบขนส่งทางรางจากทางเดี่ยวเป็นทางคู่
รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาขนส่งทางรางให้เป็นแกนหลักของระบบการขนส่งสาธารณะ โดยมีเป้าหมายยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค เพื่อรองรับการเติบโตด้านเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยวอีกทั้งยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ด้วย
โดยมีนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนโครงการรถไฟทางคู่ต่างๆ ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่
1.ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร
2.ช่วงสุราษฎร์ธานี - ชุมทางหาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร
3.ช่วงชุมทางหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร
ปัจจุบันทั้ง 3 เส้นทาง อยู่ระหว่างจัดเตรียมข้อมูลนำเสนอต่อ ครม. เพื่ออนุมัติโครงการต่อไป
ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางหาดใหญ่ - สุไหงโกลก ที่ปัจจุบันเป็นทางเดี่ยว ระยะทาง 216 กิโลเมตร การรถไฟฯ มีแผนพัฒนาก่อสร้างเส้นทางดังกล่าวให้เป็นทางคู่ ครอบคลุมสถานีรถไฟ 27 สถานี และที่หยุดรถไฟ 8 แห่ง พร้อมย่านเก็บกองและขนถ่ายสินค้า (Container Yard) ที่สถานีนาม่วง และสถานีสุไหงโกลก จำนวน 2 แห่ง ด้วยงบประมาณ 34,590 ล้านบาท โดยการรถไฟฯ อยู่ระหว่างขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง เพื่อศึกษาความเหมาะสมของโครงการ
หากโครงการรถไฟทางคู่ต่างๆ ดำเนินการแล้วเสร็จ จะเป็นหนึ่งในระบบขนส่งสาธารณะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและตอบโจทย์การเดินทางของประชาชนในเส้นทางสายใต้ รองรับการเดินทางด้วยราคาที่ประหยัด อีกทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดการค้า การลงทุน ระหว่างสองประเทศอย่างยั่งยืน รวมถึงยังเป็นการพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้ การค้าชายแดน การท่องเที่ยว
ถือเป็นการเสริมสร้างระบบขนส่งทางรางให้มีประสิทธิภาพ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
“ท่านนายกฯ ได้สั่งการให้เร่งรัดพัฒนารถไฟทางคู่ให้เกิดความสะดวก ปลอดภัยกับผู้ใช้บริการ และส่งเสริมการขนส่งสินค้าเกษตรต่างๆ เพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้า ซึ่งจะช่วยเร่งจีดีพีของประเทศ รวมถึงให้ติดตามเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรต่างๆ และเทคโนโลยีของประเทศเพื่อนบ้านว่ามีอะไรที่ก้าวหน้ากว่าเราหรือไม่ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในการสนับสนุนสินค้าการเกษตร ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นในทุก ๆ พื้นที่” นายวีริศ กล่าวทิ้งท้าย