‘Caravaggio OPERA OMNIA’ ว่าด้วยค่าความต่างของแสง ของ คาราวัจโจ
เนืองแน่นจริงๆ สำหรับผู้คนที่เข้าชมนิทรรศการ Caravaggio OPERA OMNIA
เนืองแน่นจริงๆ สำหรับผู้คนที่เข้าชมนิทรรศการ Caravaggio OPERA OMNIA ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย และ Rai Com จัดขึ้น ซึ่งเป็นการรวบรวมผลงานของศิลปินอิตาเลียนชื่อดังมิเกลันเจโล เมรีซี ดา คาราวัจโจ (MichelangeloMerisi da Caravaggio) มาจัดแสดง
ทั้งหมดนี้เป็นการรวบรวมผลงาน จากที่ต่างๆ เข้ามาไว้ด้วยกัน เพื่อให้เห็นความต่อเนื่องของผลงานและการทำงานของศิลปิน ซึ่งก็เห็นพลังในตัวภาพที่ศิลปินสร้างสรรค์ออกมาในแง่มุมสุนทรียภาพเพื่อการศึกษาในขั้นแนะนำงานศิลปะของศิลปินคนนี้ได้ดีทีเดียว
"...ฉะนั้นอธิบายกันต่อมาว่า งานศิลปะที่ผ่านเทคโนโลยีการผลิตซ้ำ (จากการพิมพ์ เช่นภาพโปสเตอร์โมนาลิซ่า ภาพถ่าย ภาพยนตร์ หรือเช่นในกรณีของ HD Digital Printing งานของคาราวัจโจที่จัดแสดงในหอศิลป์กรุงเทพฯ อยู่ตอนนี้) จึงแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับงานต้นฉบับซึ่งเป็นสิ่งมีหนึ่งเดียว เป็นวัตถุซึ่งมีมูลค่าความขลัง (Ritual Value) เพราะงานผลิตซ้ำย่อมขาดสูญซึ่งประกายเรืองรอง/กลิ่นอาย (Aura) ที่มีอยู่แต่ในวัตถุต้นฉบับ (ดังที่เรามักจะได้ยินคนที่พูดถึงประสบการณ์เผชิญหน้ากับรอยยิ้มลึกลับของโมนาลิซ่าในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ และฝีแปรงของแวนโก๊ะห์อันรุนแรงทรงพลังที่ถาโถมมายังดวงใจของผู้ชม)
ถ้าถามผมเองว่าคิดกับงานนิทรรศการคาราวัจโจอย่างไร ก็ขอตอบว่า งานนี้ยังคงมีคุณสมบัติที่ให้ความประทับใจ เร้าผัสสะและอารมณ์และมีส่วนเพิ่มประกายเรืองรองและกระตุ้นให้ปรารถนาในกลิ่นอายของงานต้นฉบับที่จะพยายามอย่างถึงที่สุดหากจะเป็นไปได้ เพื่อได้ยืนอยู่เบื้องหน้า ‘งานต้นฉบับ’ ของคาราวัจโจ รับแสงแห่งประกายเรืองรองและซึมซ่านเอากลิ่นอายของอัจฉริยภาพแห่งศิลปินให้ได้สักครั้งหนึ่ง...”
ภาพทุกภาพของ คาราวัจโจ แสดงให้เห็นความสามารถในการเขียนภาพที่เหมือนจริง จนสามารถบอกได้ว่าอะไรเป็นอะไร คาราวัจโจใช้ลักษณะการเขียนที่เรียกว่าภาพสว่างในความมืด ลักษณะที่หนักกว่าการใช้ ค่าต่างแสง (Chiaroscuro) ช่วยเพิ่มความชัดเจนของภาพยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังรักษารายละเอียดของความเป็นจริง ที่ทำให้การสื่อความหมายทางความรู้สึกรุนแรงหนักขึ้น