posttoday

ความสุขในโมงยามนี้ของโจอี้บอย

12 สิงหาคม 2558

หากมีใครสักคนถามว่า โจอี้บอยมาอยู่จุดนี้ได้ยังไง? คำตอบที่เข้าใจได้ง่ายที่สุดคงเพราะเขา “โคตรเก่ง”

โดย...พงศ์ พริบไหว ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

หากมีใครสักคนถามว่า โจอี้บอยมาอยู่จุดนี้ได้ยังไง? คำตอบที่เข้าใจได้ง่ายที่สุดคงเพราะเขา “โคตรเก่ง” ทั้งยังเป็นมนุษย์ที่มุ่งมั่นและสุดๆ กับทุกทางที่เลือก  ซึ่งในวันที่แดดร้อนๆ เขาใส่แว่นของตัวเองที่ดูกวนชะมัดมานั่งคุยอย่างเฮฮา

ช่วงนี้นอกจากวลีสุดฮิต “เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง” เฮียโจ้ หรือโจอี้บอย หรือ อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต กำลังทำชีวิตตัวเองได้วุ่นวายทีเดียว นอกจากการเป็นโค้ชเดอะวอยซ์ เขายังวางแผนปั่นจักรยานไป จ.เชียงใหม่ ทำธุรกิจร้านแว่นตากันแดดแบรนด์ DESK หรือแม้แต่กำลังขยับขยายตัวเองลงไปลุยงานนิตยสารแนวเก๋ อีกงานใหญ่คือโปรเจกต์ที่ว่าด้วยเรื่องการรวมตัวอีกครั้งของก้านคอคลับและสุดท้ายในบทสนทนาที่เราได้คุยกัน เจ้าตัวยอมพูดเรื่องความรัก... 

“เอาเรื่องแว่นตาก่อนไหม (หัวเราะ) คือจริงๆ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกันนะระหว่างเรื่องสเกตบอร์ดกับแว่นตา ซึ่งมาจากว่ามีเพื่อนเราที่เคยเล่นสเกตบอร์ดสมัยเด็กด้วยกันนัดเจอกัน พอไม่ได้คุยกันนานก็คุยกันประสาคนคิดถึงอดีต แล้วมันมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า เฮ้ย! มันมีคนเอาแผ่นสเกตบอร์ดเก่าๆ มาทำแว่นตานะเว้ย! ก็เริ่มจากตรงนั้นคุยไปคุยมากลายเป็นธุรกิจแว่นตากันแดดแบรนด์ DESK ซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากนะ แล้วเรามองว่ามันต้องเป็นแบรนด์แว่นตาที่ดี คุณภาพคับแก้ว แล้วมีราคาน่ารักสำหรับคนไทย”

ความสุขในโมงยามนี้ของโจอี้บอย

 

หลังจากนั้นเพื่อนเก่าก็กลายมาเป็นผู้ร่วมธุรกิจที่พยายามทำแบรนด์นี้ให้มีคุณภาพ ซึ่งหลังจากทำมาได้ 1 ปี เรียกได้ว่า DESK มีลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศอยู่มากเลยทีเดียว ซึ่ง โจอี้ บอกว่า ไม่แน่ในอนาคตแว่นของเขาจะเข้าไปแข่งขันในตลาดโลก พอถึงตรงนี้ก็สนุกแล้ว ทว่าเรื่องต่อมาก็ชวนอมยิ้มได้ไม่น้อยกับเรื่องฮิตปั่นจักรยานในวันที่เพื่อนหลายคนเลิกปั่นไปแล้ว

“เริ่มจากว่าเรายกเวตแล้วใช้แรงเยอะมันก็กินเยอะ เลยอยากหากีฬาอะไรสักอย่างมาช่วยเบิร์นไขมัน แล้วจักรยานมันน่าสนใจก็เริ่มมาจากตรงนั้น จากจักรยานล้อโตแล้วก็มาเสือหมอบก็ปั่นสนุกเลย มีความสุขมากในการปั่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วคนอย่างผมเป็นประเภทความสุขที่ต้องการ เงินมันซื้อไม่ได้ มันมาจากต้องทำเอง แล้วปั่นจักรยานมันก็ใช่เลยได้พิสูจน์ตัวเองไปเรื่อยๆ พอปั่นมาช่วงหนึ่งผมก็มีความฝันอยากมีทริปที่มีเป้าหมายเพื่อพิสูจน์ตัวเอง คือ ปั่นจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่  ก็กำลังรอเวลากับความฟิตของตัวเองอยู่ แต่งานนี้เอาแน่”

โจอี้ ย้ำคำด้วยรอยยิ้มจริงจังก่อนจะเล่าต่อถึงอัลบั้มของก้านคอคลับที่ตั้งใจทำมากๆ ให้ฟังว่า ครั้งนี้ตัวเขาอยากทำผลงานเพลงให้ดีที่สุด...

ความสุขในโมงยามนี้ของโจอี้บอย

 

“วันหนึ่งเราก็ชวนทุกคนว่ามาทำอัลบั้มก้านคอ 3 กัน ทำแบบที่ไม่ต้องคิดอะไร ทำอย่าไปห่วงยอดขาย แต่ทำกันให้ออกมาดีที่สุด เท่าที่พวกมึงกับกูจะกลั่นมันออกมาได้ ให้มันเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุด ทำแบบที่เราอยากทำและมีความสุขกับการได้ร้องมัน ซึ่งอัลบั้มนี้จะเหมือนกับการย้อนกลับไปในวัยที่เราดิบห่าม แต่มาทำเพลงกันในวัยขนาดนี้ ซึ่งมีการกลั่นกรองมากขึ้น เราจะไม่เอามิวสิควิดีโอหรูหรามาหลอกคนดู เราจะทำสิ่งที่เป็นเราดังเช่นวันแรกที่เราตัดสินใจทำอัลบั้มด้วยกัน”

ภายในอัลบั้มนี้จะประกอบด้วย สิงห์เหนือเสือใต้ บุสด้าเบลส และโจอี้บอย งานนี้โจอี้รับประกันความเดือดและสิ่งที่จะได้เห็นคือการเติบโตของสมองและผีมือ ซึ่งอีกสิ่งที่เจ้าตัวได้ทำไปพร้อมๆ กันกับอัลบั้มใหม่ คือการเข้ามาทำงานสิ่งพิมพ์ที่ฝันไว้มากว่า 5 ปี แล้ว ซึ่งเร็วๆ นี้เราคงได้เห็นนิตยสารท่องเที่ยวอย่างมีสไตล์ที่ชื่อ “แทน” ตามแผงหนังสือ เอาเป็นว่าพื้นที่ตรงนี้คงไม่พอเล่าไว้จะหาโอกาสมาพูดคุยกันในวาระต่อไป ซึ่งก่อนที่จะจบบทสนทนา อดถามไม่ได้เพราะเห็นใครๆ ต่างใช้วลีเด็ดของเขาขึ้นมากล่าวถึงเรื่องความรัก จนอยากรู้ว่าโจอี้ในวันนี้มองความรักเป็นเช่นไร...

“วันนี้ความรักสำหรับผมมันเป็นเรื่องของความเข้าใจไปแล้ว ไม่ว่าจะรักอีกกี่ครั้งก็ตาม สิ่งที่มันจะตามมามันก็จะเป็นเรื่องที่มีเหตุและผล มีที่มาที่ไป เพราะที่สุดแล้วเราจะเข้าใจเองว่าสุดท้ายเราก็ต้องจากกันไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม ซึ่งสำหรับวันนี้ผมเข้าใจแบบนั้น ซึ่งถ้าใครเข้าใจมันได้ ลุยเลยครับรักเลย อย่าไปกลัวเจ็บ"