พระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระนเรศวรฤทธิ์
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร ทรงเป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร ทรงเป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดากลิ่น ธิดาของพระยาดำรงค์ราชพลขันธ์ (จุ้ย คชเสนี) หลานปู่เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ ผู้เป็นต้นตระกูล คชเสนี) ประสูติในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ปี 2398
มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ คชเสนี) ผู้เป็นคุณตาทวดได้อยู่ถึงชมบารมีพระปนัดดา เมื่อพระโอรสพระราชกุมารของเจ้าจอมมารดากลิ่นประสูตินั้น ท่านเจ้าพระยามหาโยธามีความชื่นชมโสมนัสมาก ด้วยมีพระราชกุมารเป็นเหลนโดยตรง ทางเจ้าจอมมารดาผู้เป็นหลานจึงได้ทำหนังสือมอบบ้านเรือนไว้ถวายเป็นของขวัญพระราชสมโภชพระราชกุมารตั้งแต่แรกประสูติ ดังนั้นวังที่ประทับของพระราชกุมาร เหลนของเจ้าพระยามหาโยธา ซึ่งต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิศริยยศเป็น "กรมพระนเรศวรฤทธิ์" จึงอยู่ริมกำแพงพระนคร ตอนถนนพระอาทิตย์ อันเป็นบ้านของเจ้าพระยามหาโยธา เจ้าคุณตาทวดที่อยู่มาแต่เดิม
พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหารได้รับการศึกษาชั้นต้นในพระบรมมหาราชวังด้วยเหตุที่เจ้าจอมมารดากลิ่นมีความสนใจการเรียนภาษาอังกฤษกับแหม่มแอนนามาก ทำให้มีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดีถึงขั้นแปลเรื่อง "Uncle Tom's Cabin" ของมิสซิสฮาเรียดบิชเช่อร์ออกมาเป็นภาษาไทยจึงเป็นที่กล่าวกันว่า เจ้าจอมมารดากลิ่นผู้นี้เป็นศิษย์คนโปรดของมิสซิสแอนนา เลียวโนเวน ครูผู้สอนภาษาอังกฤษในราชสำนักรัชกาลที่ 4 โดยแหม่มแอนนาไว้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษของเจ้าจอมมารดากลิ่นเอาไว้ว่า
"เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นเป็นศิษย์ที่มีความขยันหมั่นเพียร และมาเรียนเสมอมิได้ขาด ผิดกับผู้หญิงอื่นๆ ที่เรียนบ้างหยุดบ้าง"
เมื่อพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร ทรงมีเจ้าจอมมารดาที่เฉลียวฉลาด มีสายตากว้างไกล และขยันหมั่นเพียรในการศึกษาความรู้ และใส่ใจในวิทยาการความก้าวหน้าใหม่ ๆ อยู่เสมอจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า พระองค์เจ้ากฤษดาภิหาร จะได้รับอบรมบ่มเพาะ ให้เจริญพระชันษามาเป็นอย่างดีในทางความรู้การศึกษาทุก ๆ แขนงจากเจ้าจอมมารดา เมื่อพระโอรสเจริญวัยขึ้นแล้ว เจ้าจอมมารดากลิ่นจึงออกจากพระบรมมหาราชวังไปอยู่บ้านเจ้าพระยามหาโยธา เจ้าคุณปู่ซึ่งได้ถวายบ้านให้เป็นวังที่ประทับของพระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร
หลังทรงผนวชตามพระราชประเพณีแล้ว พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร ทรงเข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในกรมพระนครบาล ซึ่งในขณะนั้นเรียกว่า คอมมิตตี ต่อมาในปี 2418 ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิศริยยศขึ้นเป็นกรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสสิงคโปร์ ในปี 2433 ได้ทรงปรับปรุงและจัดระเบียบกิจการตำรวจกรมกองตระเวณตามแบบอย่างได้ไปทอดพระเนตรและทรงเรียนรู้จากสิงคโปร์ ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาเป็นกิจการตำรวจไทย
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ ทรงมีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี ทรงเอาพระทัยใส่ในการศึกษาเรียนรู้ในกิจการต่าง ๆ อย่างรอบด้าน เมื่อสยามประเทศต้องประสบปัญหาอย่างหนักจากการล่าอาณานิคม ของมหาอำนาจตะวันตกก่อให้เกิดวิกฤตการณ์และข้อพิพาทกับอังกฤษและฝรั่งเศสอยู่เนือง ๆ ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ ไปดำรงตำแหน่งราชทูตประจำ ณ สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ตลอดระยะเวลาที่ทรงดำรงตำแหน่งสำคัญนี้ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ ได้ปฏิบัติหน้าที่อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างมากมาย ทรงเป็นผู้แทนประเทศที่พยายามทุกวิถีทางที่จะแก้ปัญหาและและขจัดปัดเป่าข้อขัดแย้งต่าง ๆ ให้ บรรลุเป้าหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติด้วยความสุขุมรอบคอบ
เมื่อเสด็จกลับจากราชการต่างประเทศแล้วก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงนครบาง และกระทรวงโยธาธิการ
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิศริยยศเป็น "กรมพระนเรศวรฤทธิ์" ทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่ง สมุหมนตรีและเสนาบดีกระทรวงมุรธาธร
พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศวรฤทธิ์ ทรงประทับที่วังถนนพระอาทิตย์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างตำหนักพระราชทานบนที่ดินมรดกของพระองค์ ต่อมาเมื่อทรงเจริญพระชันษาครบ 5 รอบในปี 2460 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์สำหรับทรงสร้างตำหนักหลังใหม่ชื่อ "วังมะลิวัลย์" ส่วนเจ้าจอมมารดากลิ่นยังคงพำนักอยู่ที่ตำหนักเดิม
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร ประทับที่วังมะลิวัลย์จนสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ปี 2468 ใกล้เคียงกับที่เจ้าจอมมารดากลิ่นถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ปี 2468 และได้ประดิษฐานพระโกศพระศพ และโกศศพไว้เคียงกันที่ท้องพระโรงของวังมะลิวัลย์ ทรงเป็นต้นราชสกุล กฤดากร
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศวรฤทธิ์ ทรงมีหม่อม 3 คน มีพระโอรสพระธิดาทั้งสิ้น 14 พระองค์ พระโอรสที่เป็นที่รู้จักคือ พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์ กฤษดากร หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤษดากร ปัจจุบันนี้พระนัดดาที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของสังคม คือ หม่อมราชวงศ์ยงสวาท กฤษดากร อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ถึงแก่กรรมแล้ว) หม่อมราชวงศ์สุทธิสวาท กฤษดากร อดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ (ถึงแก่กรรมแล้ว) หม่อมราชวงศ์บุตรี (กฤษดากร) วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ