แวดวงสงฆ์
พระเถระรัตตัญญู
พระเถระรัตตัญญู
วันที่ 21 เม.ย. 2556 ในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นวันที่คณะสงฆ์จัดงานฉลอง 24 ปี แห่งการสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งมีสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุตเป็นประธาน เมื่อเสร็จพิธี ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ คุณอภัย จันทนจุลกะ อดีต รมว.แรงงาน ได้กราบนมัสการเจ้าประคุณสมเด็จ ว่า มูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช จะเสนอขอพระบรมราชูปถัมภ์ ในงานทำบุญวันเกิดพระเถระที่ทรงสมณศักดิ์ ซึ่งมีอายุ 100 ปี หรือมากกว่า เพราะถือว่าเป็นพระเถระร่วมสมัยกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงมีพระชันษา 100 ปี ซึ่งเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต เห็นชอบด้วย
ส่วนการหาพระเถระที่มีสมณศักดิ์และอายุ 100 ปี หรือมากกว่านั้น ให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะเป็นผู้ดำเนินการ
ดังนั้น ปี พ.ศ. 2556 จึงมิใช่ฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เท่านั้น แต่จะเป็นการฉลองให้พระเถระรูปอื่น (ที่อยู่ในคณะธรรมยุต) เพื่อความเป็นมงคล
พระเทพวิสุทธิกวี กลับ มมร
ชาว มมร หรือมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ทั้งพระนิสิต และเจ้าหน้าที่ต่างดีใจและปีติ เมื่อเห็นพระเทพวิสุทธิกวี (ดร.พระมหาเกษม Ph.D.) อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงฆ์เก่าแก่แห่งนี้ เดินทางเข้ามาปฏิบัติงานในคณะปรัชญาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว สั่งให้ มมร คืนตำแหน่งหน้าที่ และเงินเดือนให้เหมือนเดิม ทั้งนี้ เพราะท่านโดนหมู่มารเล่นงานจนต้องพักไปถึง 3 ปี
เมื่อกลับมาด้วยฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย ตามคำสั่งศาล ถือได้ว่ามลทินที่มีผู้ไม่หวังดีสาดใส่หมดไปด้วย ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภามหาวิทยาลัยจะมองเห็นพระเถระที่มีความสามารถทั้งด้านวิชาการและบริหารแค่ไหน
ปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และวิทยากรบรรยายธรรมทั้งสถานีวิทยุ ฟรีทีวี และ DDTV โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในกำกับของมหาเถรสมาคม
นโยบายใหม่ เจ้าคณะ กทม.
พระพรหมดิลก เจ้าคณะ กทม.รูปใหม่ หลังรับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะ กทม.สมบูรณ์แบบ ก็เรียกประชุมเจ้าคณะเขต เจ้าคณะแขวงทั่วทั้ง กทม. เพื่อให้รับฟังนโยบาย ซึ่งคงไม่เหมือนรูปก่อน จุดใหญ่ใจความคือจัดแถวพระนอกรีต โดยเฉพาะพระที่บิณฑบาตอยู่กับที่ โดยยืน (บางรูปที่ชรา) ก็นั่งเฝ้าร้านขายอาหารให้แม่ค้า เหมือนรถเมล์จอดแช่ป้าย สร้างความอึดอัดแก่ชาวพุทธบางคน (ที่ไม่ชอบใส่บาตร) ร้องว่าไม่เหมาะสม ซึ่งเจ้าคณะ กทม. รูปใหม่ ก็ไม่อยากเห็นเช่นกัน
สำหรับผู้เขียนเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ และจะเป็นธรรมเนียมต่อไป เพราะปัจจุบันญาติโยมต้องการทำบุญตักบาตรมีมาก จะหุงต้มจากบ้านก็ไม่สะดวก สู้มาหาซื้อที่เขาจัดให้พร้อมดีกว่า ซึ่งแม่ค้าพ่อขายก็จัดให้ พร้อมทั้งร้องขอพระคุณเจ้าว่าให้ยืน (หรือ) นั่ง สนองศรัทธาทายก ทายิกา ก่อนก็แล้วกัน จึงเป็นอันสมประโยชน์ทุกฝ่าย ใส่บาตรเสร็จ พระ (องค์เดียว) ที่รับบาตรสวดบทยถาสัพพี ลั่นตลาด ให้ญาติโยมรับพรและกรวดน้ำ จนรู้สึกว่าสายและตลาดเริ่มวาย ท่านก็กลับวัดพร้อมลูกศิษย์ที่ช่วยขนย้ายไทยธรรม อาหารบิณฑบาต จนเต็มรถตุ๊กตุ๊กที่มารอรับ
ถ้าเจ้าคณะ กทม.อยากเห็น ขอนิมนต์ให้เดินมาที่ตลาดเทเวศร์ สังเกตร้านขายอาหารใกล้ป้ายรถประจำทาง ตรงข้ามประตูเข้าธนาคารชาติก็จะเห็นภาพเช่นนี้ได้ไม่ยาก ว่าแต่ว่าในฐานะเจ้าคณะ กทม. มีมาตรการอะไรที่ทำให้ศรัทธาของชาวพุทธยังคงอยู่ และพระมีสมณสารูปมากขึ้น นอกจากหาวิธีกำจัด
ส่วนเรื่องจัดระเบียบพระต่างชาติที่อาศัยในวัดย่านฝั่งธนฯ เช่น วัดตะล่อมนั้น ก็น่าจะปรึกษากันระหว่างวัดตะล่อม เจ้าคณะ กทม. เขต แขวง และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อทำอย่างไรให้ประเทศไทยที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก พร้อมที่จะรับพระสงฆ์นานาชาติเข้ามาพักและศึกษาธรรมวินัย สมกับที่ได้รับการยกย่อง เพราะเรื่องนี้มิใช่เรื่องตัวใครตัวมัน แต่เป็นเรื่องระดับชาติ หากคิดว่าคณะสงฆ์คือธงชัยแห่งพระอรหันต์ เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย ครับท่าน
สมเด็จเรียนปริญญาเอก
คงไม่มีใครแก่เกินเรียน รวมทั้งพระเถระบางรูปด้วย ขณะนี้มีข่าวซุบซิบหนาหู ว่าสมเด็จพระราชาคณะบางรูปที่ยังหนุ่ม และไฟแรง ไปลงทะเบียนปริญญาเอก หรือดอกเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยบานาราส ฮินดู ยูนิวอร์ซิตี้ เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย คาดว่าคงใช้เวลาไม่มาก เพราะวิทยฐานะท่านก็เป็นนักเรียนเก่าอินเดียรูปหนึ่ง แปลว่าเก่งอยู่แล้ว แต่จะเป็นสมเด็จรูปไหน ไปหาคำตอบเอาเอง