posttoday

ม็อบไทยในทัศนะชาวต่างชาติ

12 พฤศจิกายน 2556

สงสัยกันหรือไม่ว่า มุมมองของชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทย มองการชุมนุมทางการเมืองกันอย่างไร?

โดย...ดำรงเกียรติ มาลา

การชุมนุมทางการเมืองเพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรมที่เกิดขึ้นถี่และมีการกระจายตัวในหลายพื้นที่ของเขตกรุงเทพมหานครในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์อย่างถนนราชดำเนิน พื้นที่ทางเศรษฐกิจอย่างถนนสีลมและสุขุมวิท ถือเป็นประเด็นที่ภาคธุรกิจต่างหวั่นใจว่าจะทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวของไทยในช่วงปลายปี

ยิ่งในภาวะที่แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยจากการส่งออก การบริโภคภายในประเทศ การลงทุนของรัฐและเอกชนต่างอยู่ในช่วงชะลอตัว หากการท่องเที่ยวซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ตัวสุดท้ายที่ยังช่วยเศรษฐกิจไทยในประคองตัวอยู่ได้ในขณะนี้ต้องดับไปอีก เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะจะไร้แรงขับเคลื่อนทันที

ด้วยเหตุนี้ในช่วงที่ผ่านมาเราจึงเห็นสำนักวิจัยฯและองค์กรเอกชนต่างๆ ออกมาส่งเสียงกังวลปนภาวนาขอให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว คนที่มองโลกในแง่ดีก็เชื่อว่าทุกฝ่ายจะตกลงกันได้ทำให้มีผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น ส่วนคนที่มองโลกในแง่ร้ายอาจมองไปถึงขั้นเกิดความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนในระยะยาว

แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า แล้วในมุมมองของนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เขามองเรื่องนี้กันอย่างไร?

ม็อบไทยในทัศนะชาวต่างชาติ Mark James

Mark James ซีอีโอบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง ที่เดินทางมาสังเกตการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่ถนนสีลมในวันนี้ ระบุว่า เขาค่อนข้างรู้สึกผิดหวังที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นในประเทศไทยและมีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายฝ่ายที่พร้อมจะเผชิญหน้ากัน โดยมองว่าเรื่องนี้อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ของไทยในเชิงการท่องเที่ยวและการทำธุรกิจในระยะยาวได้

“ในฐานะที่เป็นผมทำธุรกิจอยู่ในไทย มีลูกจ้างคนไทยที่ต้องดูแล 450 คน และเห็นประสบการณ์จากการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมาผมย่อมไม่สบายใจและมองว่าเรื่องนี้ไม่เป็นผลดีไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน หากเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นจนควบคุมไม่ได้ก็จะเป็นการดึงประเทศไทยกลับเข้าสู่วังวนเดิม”

ม็อบไทยในทัศนะชาวต่างชาติ Beth Choi

Beth Choi นักท่องเที่ยวสาวจากเกาหลีใต้ เล่าว่า เธอและเพื่อนๆตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยโดยไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการชุมนุมทางการเมืองครั้งใหญ่ โดยเดินหลงเข้ามาในม็อบเพราะเห็นคนจำนวนมากมีการโบกธง เป่านกหวีดและถ่ายภาพกัน ทำให้พวกเธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเทศกาลหรือวันสำคัญของไทย จนมารู้ภายหลังว่าเป็นการชุมนุมทางการเมือง ทำให้ค่อนข้างผิดหวังและกังวลเรื่องความปลอดภัยเหมือนกัน

“รู้สึกโชคดีที่ฉันและเพื่อนๆกำลังจะเดินทางกลับคืนนี้ เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งถ้ากลับไปแล้วคงเตือนเพื่อนๆที่มีแผนจะมาเที่ยวไทยในระวังการเดินทางเข้ามาในช่วงนี้”

ม็อบไทยในทัศนะชาวต่างชาติ Howard Harris

ขณะที่ Howard Harris ชาวสหราชอาณาจักร เล่าว่า เขาทำงานอยู่ที่เมืองไทยประมาณ 3-4 ปีแล้ว ทำให้ค่อนข้างคุ้นชินกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยในระยะที่ผ่านมา สำหรับการชุมนุมในครั้งนี้ก็ทราบข่าวจากทั้งนสพ.และโทรทัศน์แต่ไม่รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการชุมนุมที่ปราศจากความรุนแรง ซึ่งเมื่อ 10 วันก่อนยังชวนให้ภรรยาเดินทางมาพักผ่อนเมืองไทยด้วยกัน

ม็อบไทยในทัศนะชาวต่างชาติ Enghony Mulheron

Enghony Mulheron นักท่องเที่ยวชาวสกอตแลนด์ กล่าวว่า เขาทราบเล็กน้อยว่าจะมีการประท้วงเกิดขึ้นในกรุงเทพ แต่ไม่คิดว่าจะใหญ่โตขนาดนี้ ซึ่งโดยรวมแล้วรู้สึกตื่นเต้นที่เห็นการตื่นตัวทางการเมืองในเมืองไทยและมองว่าเป็นเรื่องดีที่ประชาชนออกมาใช้ต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของตัวเอง จึงไม่รู้สึกกังวลใจและดีใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญของไทย

เช่นเดียวกับ George นักท่องเที่ยวชาวเยอรมนี ที่ระบุว่า ทราบข่าวมาก่อนแล้วว่าในช่วงนี้อาจมีการชุมนุมในไทยแต่เรื่องดังกล่าวก็ไม่กระทบต่อแผนการเดินทาง เพราะเขามองว่าการชุมนุมประท้วงไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องดูว่าต่อสู้ในเรื่องอะไร ถ้าเป็นการต่อต้านความไม่ยุติธรรมก็ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพราะคนไทยต้องต่อสู่เพื่อประเทศตัวเอง เพราะถ้าเรื่องแบบนี้เกิดในประเทศเขาคงออกมาต่อสู้เหมือนกัน

ม็อบไทยในทัศนะชาวต่างชาติ Claudia

ด้าน Claudia สาวนักท่องเที่ยวจากอิตาลี กล่าวว่า ในมุมมองของเธอมองว่าการชุมนุมทางการเมืองของไทยไม่ได้สร้างความกังวลใจให้กับนักท่องเที่ยวมากนัก เพราะไม่มีความรุนแรงเหมือนในประเทศตะวันออกกลาง เช่นตัวเธอเองที่ยังสามารถหาแหล่งอาหารอร่อยและแหล่งช้อปปิ้งดีๆได้ท่ามกลางการชุมนุม แม้ว่าอาจมีเสียงนกหวีดที่ดังบ้างแต่เธอก็ยังหลงรักเมืองไทยและพร้อมจะแนะนำให้เพื่อนๆให้ลองมาสัมผัสประสบการณ์ที่นี่เช่นเดียวกับเธอ

นี่คือนานาทัศนะของชาวต่างชาติที่บังเอิญผ่านเข้ามาอยู่ในหน้าบันทึกประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง