posttoday

บทเพลงปี่ซังข้าว...จากทุ่งรวงทองถึงถนนราชดำเนิน

24 พฤศจิกายน 2556

แดดสาย...ใส ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าแจ่มกระจ่างตัดกับสีทองของท้องทุ่ง กลิ่นฟางยามอาบด้วยแดดจัด...หอมละมุน

แดดสาย...ใส ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าแจ่มกระจ่างตัดกับสีทองของท้องทุ่ง กลิ่นฟางยามอาบด้วยแดดจัด...หอมละมุน แว่วเสียงดนตรีจากปี่ซังข้าวคลอเคล้าเสียงสนูว่าวยามติดลมบน เป็นบทเพลงที่อยากให้ดังไกลไปถึงมหานครแห่งนั้นเหลือเกิน

ท่วงทำนองของปี่ซังข้าวอาจจะเหมือนหรือแตกต่างจากเสียงของนกหวีดก็ได้ แต่ทั้งสองแบบล้วนเป็นวิธีในการสื่อสารบทเพลงของชีวิตให้ผู้คนในสังคมได้รับรู้และเข้าใจเหมือนๆ กัน แม้ว่าบางครั้งอาจเป็นจังหวะที่กระแทกกระทั้นราวกับระเบิดออกมาจากความเกลียดชังบ้างก็ตาม

ธรรมชาติของบทเพลงและท่วงทำนองแห่งชีวิตนั้น...งดงามและมีความหมายเสมอ แต่สิ่งที่จะทำให้มันผิดเพี้ยนจนกลายเป็นการทำลายโสตประสาทรับรู้ของเราไม่ได้อยู่ที่ทักษะความสามารถของผู้เล่น แต่อยู่ที่คุณภาพของกระแสลมที่เราส่งผ่านท่อเล็กๆ ออกไป

อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก หากบทความชิ้นนี้จะเกี่ยวโยงไปถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังคุกรุ่นอยู่ ณ ขณะนี้

ในนามของราษฎรไทย ที่แม้จะเป็นเพียงเกษตรกรบ้านนอกคนหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจเพียงมองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ โดยที่ไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างได้ ฉันตัดสินใจผละจากต้นไม้ใบหญ้าที่กำลังอยู่ในช่วงให้ดอกผล เป็นฤดูเก็บเกี่ยวที่เงียบเหงาพอสมควร

ตามเส้นทางจากดินแดนที่ราบสูงสู่มหานคร ไร่นาแปลงแล้วแปลงเล่าที่ร้างไร้ผู้คนเก็บเกี่ยว เอ๊ะ...เกษตรกรไปอยู่ไหนกัน?

เช้าวันนี้ (วันจันทร์ที่ 11 พ.ย.) ผู้นำชุมชนประกาศมาตามหอกระจายข่าวให้ลูกบ้านที่มีความประสงค์จะยื่นกู้โครงการกองทุนเงินล้านเตรียมเอกสารไปยื่นกู้ที่ศาลาประจำชุมชน ต่อเนื่องกันมา รถบรรทุกขนสินค้ามาส่งที่ร้านขายเคมีภัณฑ์ล็อตใหญ่ รถมอเตอร์ไซค์ของหน่วยติดตามหนี้สินวิ่งสวนกันไปมาแทบทั้งวัน เงินหมื่นเงินแสนปรากฏตัวเลขในบัญชีเพียงชั่วข้ามคืน ก่อนที่จะไหลเวียนไปสู่บัญชีของคนที่ไม่เคยจับจอบแม้สักครั้งเดียว และดูเหมือนจะอยู่ในนั้นตลอดไป หรือไม่ก็ข้ามทะเลไปต่างเมืองไม่กลับมาอีกเลย

เพลงปี่ซังข้าว (ที่เต็มไปด้วยสารเคมี) จึงแผ่วเบาและแสนสั้น ด้วยเหตุนี้เอง

ต่อเมื่อมีใครสักคนเข้ามาทำทีเงี่ยหูฟัง จึงทำให้เชื่อมั่นว่า เสียง ที่ส่งไปนั้นได้รับความใส่ใจ และยิ่งมีการตอบสนองกลับมา (บ้าง) ความจงรักภักดีจึงเกิดขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น แม้จะเป็นการตอบสนองที่ฉาบฉวยและแอบแฝงผลประโยชน์ที่เสียหายต่อสังคมโดยรวมก็ตาม แต่...ใครล่ะจะมองเห็น?

บทเพลงของฉันสำคัญและไพเราะที่สุดแล้ว...

ในฐานะของคนที่มีการศึกษา เรามีโอกาสในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเสมอ ความรู้และข้อมูลที่หลากหลายมาจากทุกทิศทุกทาง ทำให้เรารู้ว่า เรามีอำนาจในการต่อรองกับนักปกครองมากมายเพียงใด สาธารณูปโภคต่างๆ ถูกนำมาปรนเปรอจนแทบสำลักด้วยเหตุผลที่ว่า เรามีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เงินหมื่นเงินแสนที่เข้าบัญชีทุกสิ้นเดือน เหมือนจะเข้ามาอยู่สักพัก ก่อนจะค่อยๆ หายไปแบบไม่รู้สึกตัว แต่นั่นก็ไม่ทำให้เราวิตกนัก เพราะยังมีเดือนหน้าและเดือนต่อๆ ไปอีก เรามิใคร่เดือดร้อนเรื่องปากท้องเท่าไร จึงพอมีเวลาสอดส่องและตรวจสอบความเป็นไปของบ้านเมือง และเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไป และอาจส่งผลกระทบกับเราและสังคมของเรา เราจึงถือเป็นหน้าที่ในการออกมาทำให้มันถูกต้อง เข้าที่เข้าทาง

บทเพลงของเราจึงชัดเจนและแหลมคม พร้อมที่จะทิ่มตรงไปยังเป้าหมายแบบไม่อ้อมค้อมอ้อยอิ่ง และแน่นอนว่าเสียงที่ดังถนัดชัดเจนนี้จะกลบเสียงเล็กๆ ที่แสนแผ่วเบานั้น เว้นเสียแต่ว่าเราจะเปิดโอกาสให้ตัวเองและคนรอบข้างได้หยุด...เปิดใจกว้างๆ ฟังท่วงทำนองที่แสนเชยและผิดคีย์บ้าง (บางทีก็อาจจะเห็นว่าเราเองก็ผิดคีย์ได้เหมือนกัน)

ท่ามกลางเสียงนกหวีดเป็นพันเป็นหมื่นเสียง เราจะได้ยินเสียงอื่นๆ ได้อย่างไรกัน? ท่ามกลางเสียงปี่ซังข้าว (ที่เราคิดว่าเพราะและจริงที่สุด) เราจะชื่นชมเสียงบาดแหลมของนกหวีดได้อย่างไร

คุณเชื่อไหมว่า บทเพลงที่แท้จริงไม่ต้องอาศัยการสั่นสะเทือนของคลื่นภายนอก แต่อาศัยการรับรู้จากหัวใจแห่งความเมตตากรุณาของเรา ไม่ว่าจะเป็นบทเพลงของผู้สูญเสีย ผู้ที่ถูกกดขี่จากความเหลื่อมล้ำ หรือผู้ที่จมอยู่กับความยากไร้ชั่วนาตาปี ที่แม้จะแสดงออกมาด้วยความกราดเกรี้ยวและเคียดแค้นชิงชังก็ตาม

ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งการจับเอาความทุกข์เข็ญของตัวเองเป็นตัวประกัน เพื่อให้การรับอามิสสินจ้างเป็นไปโดยชอบธรรมนั้น ถือเป็นการลงทุนที่ไม่ค่อยรอบคอบเท่าไรนัก เพราะความสุขสบายที่ได้มาอย่างรวดเร็วและง่ายดายนั้น แทบไม่มีความยั่งยืน มิหนำซ้ำยังมีราคาที่ต้องจ่ายภายหลัง ซึ่งมักเป็นราคาที่สูงกว่าที่เราได้รับเสมอ

หากจำเป็นต้องมีนกหวีดในมือขวา ก็ขอให้ถือปี่ซังข้าวในมือซ้าย หากจำเป็นต้องมีปี่ซังข้าวในมือขวา ก็ขอให้ถือนกหวีดในมือซ้าย หรือหากไม่ประสงค์ถือสิ่งใดในมือ ก็ขอให้ฮัมบทเพลงแห่งความรัก หากไม่สะดวกที่จะฮัมเพลงก็ขอให้มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่จะโน้มนำให้ รู้เนื้อรู้ตัว อยู่เสมอ

ทำไมความ รู้สึกตัว จึงสำคัญนัก?

เพราะความรู้สึกตัวจะช่วยให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ (ไม่ใช่การรู้สึกตัวว่าใครคือศัตรูและพุ่งโจมตีมัน) การมีสติจะช่วยให้เราได้ยินเสียงที่แท้จริงของตัวเองและผู้อื่น ทั้งคนที่อยู่รอบๆ ตัวและคนที่ถูกผลักให้ไปอยู่ตรงข้าม การตระหนักรู้เช่นนี้จะช่วยให้เราไม่ตกเป็นเครื่องมือของการโฆษณาชวนเชื่อของผู้ที่หวังผลประโยชน์จากพลังของมวลชน

ความรุนแรงมักเกิดจากการปลุกปั่นความโกรธเกลียดในยามที่ใจมืดบอดจากเหตุผลและความเมตตา ทั้งด้วยความจริงและความเท็จ จนถึงเวลาหนึ่ง เราจะรู้สึกถึงความชอบธรรมในการที่จะใช้ความรุนแรงกับฝ่ายตรงข้าม และที่น่าเศร้าใจที่สุดคือ การมองเห็นความย่อยยับของฝ่ายที่ถูกผลักให้ไปอยู่ตรงข้ามด้วยความรู้สึกสาแก่ใจ

อย่างไรก็ตาม ฉันไม่คัดค้านการแสดงเจตนารมณ์เพื่อสนับสนุนการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยและความเท่าเทียมในสังคม และเช่นกัน ฉันก็ไม่คัดค้านการแสดงจุดยืนในการสนับสนุนการบริหารประเทศด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมตามหลักธรรมาภิบาล ยิ่งไปกว่านั้น ฉันสนับสนุนให้เกิดทั้งสองอย่างพร้อมๆ กัน และไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่เราจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราสามารถทำให้เกิดทั้งสองอย่างได้โดยสันติ อาจฟังดูเหมือนเป็นอุดมคติของเกษตรกรหลังเขา แต่ก็เป็นเสียงนกหวีดซังข้าวของราษฎรไทยคนหนึ่ง

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ค่อนข้างอ่อนไหวและเปราะบางนี้ บรรดาแกนนำมักใช้วิธีให้ข้อมูลบางส่วนกับมวลชน แน่นอนว่าจะต้องเป็นข้อมูลที่เอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายตนเองและโจมตีอีกฝ่าย เราต่างเป็นเหมือนม้าที่ไม่เพียงแต่จะถูกใส่ที่บังตาเท่านั้น เรายังถูกปิดตาอีกข้างหนึ่งด้วย การอยู่ในลู่ด้วยความเร็วสูง ทำให้ความสามารถในการใคร่ครวญลดลงอย่างน่าใจหาย ทิศทางในการกระโจนไปข้างหน้าจึงมักขึ้นอยู่กับคนถือแส้และบังเหียน

โชคดีที่เราไม่ใช้ม้าที่ไม่มีทางเลือกตัวนั้น แต่โชคไม่ดีที่เราถูกถีบให้ลงมาอยู่ในลู่ที่มีความเร็วและความรุนแรงสูง!

ณ ขณะนี้ อนาคตของประเทศอยู่ในมือของเราทุกคน สิ่งที่ฉันอยากจะขอร้องพวกเราทุกคนในยามนี้ก็คือ ตั้งสติแล้วเอื้อมมือมาเปิดบังตาออก หากเป็นไปได้ก็โยนมันทิ้งไปเสีย ใช้วิจารณญาณในการมองและฟังอย่างใคร่ครวญ มอง...ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างกัน ไม่ว่าเราจะคิดว่าเขาแตกต่างกับเราเพียงใดก็ตาม ฟัง...ให้ได้ยินมากกว่าเสียงของตัวเองและพวกพ้อง

หากเราสัมผัสได้ถึงความกลัวของทุกฝ่ายและอ่อนโยนกับมันแล้วละก็ ให้รู้ไว้เลยว่า คุณคือความหวังที่จะนำพาความปกติสุขมาสู่บ้านเมืองของเรา อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณว่าเรายังคงมีหัวใจของมนุษย์

บทเพลง – ไม่ว่าจะมาจากเครื่องดนตรีชนิดใด ล้วนมีความหมายในตัวของมันเองเสมอ ยกเว้นอยู่อย่างเดียวคือ บทเพลงแห่งการมุ่งทำลายล้าง