“สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ขอเป็นตัวแม่แก้ปัญหาประเทศ
“สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ลุยฟาสแทรคแก้กฎหมายล้าหลัง ชู 1 ล้านบ่อน้ำทั่วไทย พร้อมปลดล็อคที่ทำกิน แก้หนี้ เพิ่มทุน ระเบิดศักยภาพประชาชน ชูเป็นนายกครบวงจรดูแลตั้งแต่เกิดจนชรา เด็กเรียนฟรีเลือกวิชาที่ชอบ มีสลากออมแห่งชาติใช้ยามเกษียณ
“สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เปิดใจกับ Posttoday โดยประกาศความพร้อมกับการเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ หลังการเลืองตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง อยากสร้างอนาคตที่ดีที่สุดและเป็นหนึ่งในทางออกของประเทศไทยที่ดีที่สุดให้กับลูกหลาน
พักหนี้เติมทุนคนตัวเล็ก เพิ่มราคาสินค้าเกษตร
สุดารัตน์ ระบุ ความเร่งด่วนแรกที่หากได้รับโอกาสเลือกตั้งเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี คือการแก้ไขปัญหาเรื่องของ ‘การเติมเงินในกระเป๋าประชาชน’ ที่แทบไม่มีเหลือซึ่งทำให้ประชาชนไม่สามารถที่จะตั้งตัวและสร้างอาชีพได้แม้มีความสามารถที่ดี ด้วยการ ‘เติมทุน’ และ ‘พักหนี้’ ให้กับคนตัวเล็ก และ ‘เพิ่มราคาสินค้าเกษตร’ ที่ตกต่ำ เป็นสเต็ปโมเดล สั้น- กลาง-ยาว ของการสร้างพลังอำนาจให้กับประชาชนมีชีวิตที่ดีอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี
“วันนี้เราต้องฟื้นฟูประเทศ จึงได้ลงพื้นที่ทุกภาค เพราะเราต้องทำให้ประชาชนมีพลัง มีความเข้มแข็ง ยกตัวอย่างภาคอีสานเป็นภาคที่ใหญ่สุด มีประชาชกร 20 กว่าล้านคน แต่กลับเป็นพื้นที่ที่มีคนยากจนที่สุด แม้จะขยันไปทำมาหากินที่เราเห็นเหนือจรดใต้ เป็นภาคแหล่งผลิตสินค้าด้านเกษตรทุกอย่าง ข้าว มัน อ้อย ยางพารา แล้วข้าวอร่อยที่สุดในโลกด้วย นั้นแสดงว่าเขาไม่ได้รับโอกาสด้านต่างๆ ไม่ได้รับการช่วยเหลือ ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงที่เข้าถึงอย่างถูกต้อง ในอดีตอาจจะมีโครงการที่เขาเคยมีหวัง เช่น อีสานเขียว แต่ว่ามันก็ไม่มีความต่อเนื่อง สิ่งที่เราต้องแก้เราต้องช่วยอย่างยั้งยืน เราไม่ใช่ช่วยโดยการเอาเงินแค่ไปอุดหนุน การที่จะเอาเงินไปช่วยอุดหนุนให้เขายืนอยู่ได้ มันได้ทำ แต่ควรจะทำแค่ช่วงระบะบเวลาสั้นๆ แต่ว่าเราต้องสร้างความยั่งยืนให้เขา”
‘หนึ่งล้านบ่อน้ำ’ พัฒนาแหล่งน้ำทุกภาคของพื้นที่ประเทศไทย พัฒนาบริหารจัดการน้ำท่วม น้ำแล้ง ในงบประมาณที่น้อยด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ แหล่งน้ำของหมู่บ้าน แหล่งน้ำของชุมชนและของตัวประชาชนเอง เพื่อจะกักเก็บน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมและแล้งไปในตัว ด้วยการลงทุนร่วมกันของภาครัฐและประชาชน
ขณะที่ต่อมา ‘แก้กรรมสิทธิ์ที่ดินทำกิน’ โดยทำควบคู่ล้อไปกับปัญหาเรื่องน้ำปัจจัยพื้นฐานให้ประชาชนมีแหล่งทำมาหากิน และแก้ปัญหาของราคาสินค้าเกษตรกับต้นทุนการผลิตที่มีราคาสูง อย่าง ‘ค่าปุ๋ย’ ด้วยการประกันราคา รัฐช่วยแบ่งเบาภาระเป็นต้นทุนค่าผลิต ‘ค่าไฟ’ ซึ่งจะเข้ามาปรับแก้ลดค่าไฟที่เป็นนโยบายของทางพรรคไทยสร้างไทย
“โครงการพวกนี้ระยะหนึ่ง เป็นระยะสั้น เพื่อให้เขาตั้งตัวได้ก่อน จากนั้นแก้เรื่องของหนี้ครัวเรือนที่มีเยอะทั้งในและนอกระบบ จากราคาสินค้าเกษตรกรที่ไม่สามรถกำหนดราคาเองได้ เพราะให้เกษตรกรผลิตพืชเชิงเดี่ยว ทำให้ราคาถูกกำหนดจากพ่อค้าคนกลาง ไทยสร้างไทยจะคิดกลับกัน เราจะช่วยพ่อแม่พี่น้องประชาชนกำหนดราคาสินค้าตัวเองได้ แปรรูปได้ เพิ่มมูลค่าได้ ลดค่าต้นทุนการผลิต เราได้ทำโมเดลนี้โดยตอนนี้ใช้มูลนิธิลองศึกษาและทำอยู่ประมาณปีที่ 7 ในการที่จะพาชาวบ้านปรับเปลี่ยนเป็นออร์แกนิก เราจะให้เทคโนโลยีที่ช่วยเกษตรกรในการผลิตที่ดีโดยทำเรื่องของการรวมกลุ่มแล้วกู้จากรัฐ วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ก็ได้ ทั้งนี้จะปลอดดอกเบี้ยช่วงต้น หลัง 2-3 ปี แล้วค่อยเริ่มใช้หนี้
“อันนี้เขาจะตั้งตัวได้เลย ไม่ว่าต้นทุนด้านเครื่องมือเครื่องจักรเครื่องเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นแบบเดียวกับตอนทำงานเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการเกษตรที่จังหวัดจันทบุรี เริ่มให้เขากู้ 12 ล้าน ทุกวันนี้เขาขยายเป็น 200-300 ล้านในแต่ละสหกรณ์ คือเราจะดูแลเรื่องต้นทุนการผลิต ระยะ 2-3 ปีระหว่างที่เขาปรับเปลี่ยน ตรงนี้ไม่ใช่การจำนำกับประกัน เป็นไฮบริดส์ เป็นเรื่องที่รัฐบาลกับประชาชนต้องพัฒนาไปด้วยกัน ซื้อสินค้าจากเกษตรกรให้นำราคาได้ เกษตรกรก็ช่วยปรับเปลี่ยนคุณภาพ เขาก็จะมีกินอย่างมีศักดิ์ศรี เพราะเขาไม่ได้อยากแบมือขอเงินจากรัฐ เขาอยากยืนได้ด้วยขาตัวเอง เกษตรกรทั่วประเทศตอนนี้นอนอยู่ไอซียู เราจะให้เขาลุกได้ต้องอัดน้ำเกลือให้เขาก่อน พอเขาลุกขึ้นมาแล้วพอเขายืนได้เขาก็ทำมาหากินเขาได้ นี่คือ พักหนี้ เติมทุน เพิ่มราคาสินค้าเกษตรอย่างยั่งยืน แบบโมเดลเกษตกรญี่ปุ่นที่เราจะทำให้เกษตรกรไทยรวยบ้าง เรามั่นใจเราทำได้ภายใน 3 ปี”
ฟาสแทรคกฎหมาย
สุดารัตน์ เสริมอีกว่า วันนี้ประเทศไทยปัญหาคือ เราเป็นประเทศที่มีรายได้น้อย มีการเจิรญเติบโตเศรษฐกิจน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนแล้ว และยังเป็นประแทศที่มีหนี้สินมากโดยเฉเพะหนี้ภาคครัวเรือน ดังนั้น ต้องเพิ่มพลังประชาชนแล้วปลดล็อคอุปสรรขวางกันในการทำมาหากิน เพื่อให้ประชาชนระเบิดศักยภาพได้เต็มที่
“วันนี้ทำมาหากินติดกฎหมาย ระบบระเบียบ ใบอนุญาตโน้นนี้ ซึ่งมันล้าสมัยแล้วก็ซ้ำซ้อน เช่นจะเปิดร้านอาหารหนึ่งร้าน ใบอนุญาต 5-7 ใบ ทั้งๆ ที่จริงๆ 2 ใบ ก็พอ คืออาคารสถานที่แข็งแรงมีทางหนีไฟ กับ สุขอนามัย แค่นั้น ใบพวกขายสุรา บุหรี่ พวกนี้มีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว ใกล้วัด ใกล้โรงเรียน ขายไม่ได้ อายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามจำหน่าย ขายเกินเวลาไม่ได้ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมาขออนุญาตแล้ว ก็สามารถที่จะขายได้เลย อย่างนี้มันเป็นกฎหมายที่เป็นอุปสรรคขวางกันแล้วก็เป็นช่องทางในการมารีดไถ่ของเจ้าหน้าที่รัฐ”
หรืออย่างเรื่องการขอ อย. ที่ต้องขอจริงๆ ยา หรือ อาหารเสริม ก็เช่นเดียวกันที่เป็นอุปสรรคให้ประชาชนเข้าถึงการทำกินสร้างอาชีพที่ช้าและเข้าไม่ถึง ตรงข้ามกับเมืองนอกที่ของ่าย 3 วันรู้ผล แถมช่วยให้คนตระหนักมีความรับผิดชอบจากโทษที่สูงอีกด้วยหากเลือกทำผิดที่กฎหมายระบุ
“เราคุมทั้งอาหาร น้ำ เครื่องสำอาง ยา อาหารเสิรม จริงๆ ในต่างประเทศโมเดลเขาคุ้มแค่ ยา และ อาหารเสริมบางชนิด แต่อาหาร เครื่องดื่ม อาหารเสริมบางชนิดเขาปล่อยให้ขออนุญาตง่าย คือขอขึ้นเว็ปไซต์ได้เลย อย่างสมมุติผลิตสินค้านี่มา จะบรรจุถุงขายตามร้านสะดวกซื้อต้องมีฉลากอย่างไรบ้าง ในสลากก็จะกำหนด ต้องใส่อะไร ไม่ใส่อะไร แสดงรายละเอียดครบถ้วน แล้วแอพพลายใน 3 วัน ได้ไม่ได้ตอบเลย ดังนั้นไทยสร้างไทยจะปลดล็อคตรงนี้ ให้คนเข้าถึงการทำมาหากินโดยไม่ต้องมีอุปสรรค ทำให้คนลุกขึ้นมาทำมาหากินได้เร็วขึ้น และหากทำผิดถูกจับโทษสูงสุดเลย คนเองก็จะมีระบบมีระเบียบวินัย ซึ่งตอนนี้กฎกมายกว่า 1,000 ฉบับ ทางราชการก็กำลังทำที่เรียกว่า กิโยติกฎหมาย แต่มันใช่เวลาเป็น 10 ปี เพราะต้องผ่านสภา 3 วาระ
“เราก็จะทำการฟาสแทรคกฎหมายไปพร้อมๆ กันในการแก้ ยกเลิก โดยการออก พรก. เพียง 1 ฉบับ ใช้เวลาไม่เกิน 1เดือน แขวนหรือพักกฎหมายที่เกี่ยวกับใบอนุญาตและอะไรที่เป็นอุปสรรคขวงกันการทำมาหากินของประชาชน 3-5 ปี ซึ่งตอนนี้เราทำได้ทำทีถ้าได้เป็นเพราะ ดร.โภคิน พลกุล ร่างเสร็จแล้ว”
การฟาสแทรคกฎหมายของสุดารัตน์นั้นไม่เพียงที่จะช่วยปลดล็อคอุปสรรคการทำมาหากินของประชาชน แต่ยังนำไปสู่การปลดล็อคอื่นๆ ไม่ว่าจะ ‘คอรัปชัน’ และ ‘การกดทับของข้าราชการ’ อีกด้วย
“ปลดล็อคข้าราชการที่กดทับ วันนี้ข้าราชการมองประชาชเป็นลูกน้อง คนทำมากินเป็นผู้ร้าย ก็จะไม่ได้สนับสนุน จะควบคุมกำกับซะมากกว่า ต้องเปลี่ยนเคพีไอ และมายเซ็ตข้าราชการและรัฐวิสาหกิจว่าต้องเป็นหุ้นส่วนกับประชาชน มีหน้าที่ซัพพอร์ตให้ประชาชนทำมาหากินได้เร็วที่สุดและดีที่สุด เพราะว่าถ้าประชาชนทำมาหากินได้มากขึ้น เขาก็รวยขึ้น รัฐก็เก็บภาษีได้มากขึ้น เงินเดือนข้าราชการก็จะสูงขึ้น ต่อมาเรื่องคอรัปชันซึ่งจะคืนอำนาจให้ประชาชน โดยทีเราจะให้ประชาชนเป็นคนชี้ใช้งบประมาณ เริ่มตั้งแต่หน่วยเล็กที่สุดคือ ระดับกรรมการหมูบ้านเป็น สภาชุมชน มีอำนจในการชี้ใช้งบประมาณ มีอำนาจตรวจรับงาน”
ระเบิดศักยภาพประชาชน
เส้นทางการพัฒนาประเทศที่สำคัญ คือการ ‘ลิเบอร์เรท’ และ ‘เอ็มพาวเวอร์’ ประชาชนให้เข้าถึงแหล่งทุน ความรู้และการตลาด
“เรามีแหล่งทุน กองทุน sme จากเงินปัจจุบันที่ปล่อยกันไม่หมดของแบงก์ชาติ ราวๆ 3 แสนกว่าล้านบาท เราต้องมาทำเงื่อนไขเป็นกองทุน เพราะถ้าปล่อยผ่านธนาคารคนตัวเล็กเข้าไม่ถึงได้แต่รายใหญ่ ขณะที่ sme มี 3 ล้านคน เข้าถึงแหล่งทุนแค่ 4 แสนราย จีดีพี 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ สร้างงานอยู่ 13 ล้านคน ถ้าครอบครัวหนึ่งมี 2 คน ก็ 26 ล้านคนแล้วที่เกี่ยวพัน ฉะนั้นเราต้องให้ sme เป็นจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยก็ต้องตั้งกองทุนให้เขาเดินต่อไปได้ เราจะทุ่มตรงนี้และสตาร์ทอัพสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เก่งๆ
“แล้วก็กองทุนคนตัวเล็กสำหรับแม่ค้าพ่อค้าที่เป็นหนี้นอกระบบ ต้องจ่ายดอกเบี้ยนอกระบบ 120 ต่อเดือน แพงมาก เราต้องช่วยเขาล้างหนี้นอกระบบแล้วตั้งตัวได้ เราจะให้กู้ตั้งแต่ 5,000 บาท ดอกเบี้ยเหลือร้อยละหนึ่งต่อเดือน ไม่ต้องมีหลีกทรัพย์ค้ำประกัน เอาตัวเองค้ำประกัน ถ้าสอบผ่านได้ ก็สามารถกู้10,000-50,000 บาท เอามาล้างหนี้นอกระบบ พวกแม่ค้าแผงลอยเอามาตั้งตัว นี้คือสิ่งที่จะให้เกิดพลังของเขาที่จะระเบิดศักยภาพของตัวเอง”
ต่อมามุ่งต่ออีกไปที่การสร้างรายได้ โดยสร้างจากความเข้มแข็งเดิมของประเทศ ซึ่งแบ่งเป็น 4 ด้าน
1.เกษตร อาหาร ต้องเป็นศูนย์การที่ผลิตอาหารคุณภาพป้อนคนทั้งโลก และทำให้ภาคเกษตรโตกับภาคสินค้าส่งออกโต
2.การท่องเที่ยว ให้เป็นศูนย์กลางของคนทั่วโลกและเป็นแหล่งพำนักของคนทั่วโลก เพราะคนไทมยมีดีทุกอย่าง ธรรชาติสวย วัฒนธรรมดี ผู้คนน่ารัก ค่าครองชีพถูก เราจะส่งเสริมให้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สร้างกิจกรรมการท่องเที่ยวเพิ่มดึงดูดนักท่องเที่ยว และเอาคนเก่งๆ จากทั่วโลกมาเวิร์คฟอร์ฟอร์มไทยแลนด์
3.เรื่องของการรักษาพยาบาล เป็น ‘เมดิคัลฮับ ’ศูนย์กลางการรักษา การเสริมความงาม สร้างสุขภาพ ชะลอวัย นี่คือจุดแข็งที่เราจะต้องเอามาสร้างรายได้ให้กับประเทศ
4. ศูนย์กลาง โลจิสติกส์ จากในทำเลที่ดีมากของประเทศทั้งบนบก ทางน้ำและทางอากาศ
“เราจำเป็นต้องหาเมกะโปรเจคที่จะมารีสตาร์ทเครื่องยนต์เศรฐกิจไทย เออีซีก็ได้ระบดับหนึ่งแต่ไม่พอสตาร์ท เราจึงมองตรงนี้เรื่องของคลองไทย เราศึกษากันอย่างจริงจัง ทั้งผลดีและเสียสิ่งแวดล้อม ความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบ เพราะเรามองคลองไทยไม่ใช่แค่การตัดคลอดเพื่อให้เป็นทางผ่าน แต่เรามองว่าคลองไทยนั้นถ้ามีบริเวณนั้นจะต้องเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย ที่จะทำให้คนทั่วโลกมาลงทุนและจะต้องเป็นคลองสากลที่เป็นคลองแห่งสันติภาพ ไม่สนับสนุนการสู้รบ สร้างเศษฐกิจให้คนไทยและคนในภูมิภาครวมถึงคนทั่วโลกได้ โดยหากทำศึกษาครบก็จะไปกองให้ประชาชนดูอย่างตรงไปตรงมา และประชาชนจะต้องเป็นคนตัดสินใจว่าเอาหรือไม่เอา ไม่ใช่นักการเมืองมาตัดสินใจแทน
"แล้วก็มีเรื่องของรายได้จากเศรษฐกิจใหม่ ก็คือ ดิจิตอลอีโคโนมี ซึ่งทางพรรคเราโชคดีได้คนที่เก่งทางนี้มาเยอะ เราจะสามารถดึงดูดการลงทุนด้านนี้เข้ามามากมาย ทำเรื่องของซัพพลายเชน ที่กำลังย้ายฐานการผลิตกันใหญ่ เราต้องดึงดูดซัพพลายเชนเหล่านั้นมาไม่ว่าจะรถอีวี ภาคอิเล็กทรอนิกส์ นี่คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ เพียงแต่เราวางโพซิชั่นให้เราเป็นสาวสวยที่ทั้งมหาอำนาจซีกตะวันตก อย่างจีนหรือตะวันออกอย่างอเมริกาต้องมารุมจีบเรา โดยที่ไม่ต้องใช้งบประมาณซักบาทซึ่งเราจะทำรายได้เข้าประเทศมหาศาล”
ดูแลตั้งแต่เกิดจนแก่ ค้นเจอตัวเองตั้งแต่มัธยม
หลังจากเพิ่มศักยภาพให้คนระเบิดให้ศักยภาพได้แล้ว ทำสิ่งแวด้อมให้สามารถเกิดรายได้จาก 3 ก้อนใหญ่ ต่อมาคือการดูแลให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ด้วย ‘ไทยสร้างไทยดิจิตอลเฮลท์เทค’ ที่จะต่อยอดโครงการ 30 บาท สุขภาพดีทั่วหน้า ช่วยให้คนไข้เลือกโรงพยาบาลเองได้ เป็นโรคนี้หมอเก่งอยู่ตรงไหน แมพแผนที่ให้ไปหาได้เลย, คุยกับหมอได้ตลอดเวลาผ่านแอปพลิเคชั่น, นัดหมอล่วงหน้าไม่ต้องไปรอคิว, ยาประจำส่งถึงบ้าน
“นอกจากดูแลสุขภาพตั้งแต่เด็กจนแก่ ก็มีเรื่องของเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ลดเวลาเรียกลง 3 ปี ม.ต้น 1 ปี ม.ปลาย 1 ปี มหาวิทยาลัย 1 ปี ยกเว้นคณะแพทย์ วิศวะที่กี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย เกี่ยวกับชีวิต ดังนั้นพอลดเวลาเรียนลง 3 ปี ทำให้เด็กจบที่อายุ 17-18 มาทำงานได้แล้ว การลดเวลาเรียนยังช่วยเพิ่มคุณภาพการศึกาษาอีกด้วย เรียกว่า ไทยสร้างไทยดิจิตตอลอีดูเคชั่น ให้เด็กเลือกเรียนวิชาเองได้ อยากไปเป็นคนขายออนไลน์เก่ง แคสเกมเก่ง หมอเก่งๆ ให้เด็กเลือกเรียนตามความต้องการของตัวเอง โดยใช่ครูที่เก่งๆ เฉพาะทางด้านนั้นสอนผ่านระบบออนไลน์ให้ได้เรียนกันตั้งแต่ยอดดอยจรดใต้ ตรงนี้เด็กจะรู้ตัวตนได้เร็วแล้วก็สามารถที่จะจบไปประกอบอาชีพสร้างรายได้เร็วที่สุด ‘’
สุดท้ายคือเรื่องของ ‘บำนาญประชาชน 3,000 บาท’ ที่นำเสนอกฎหมายบำนาญประเชาชนสู่สภาแล้ว เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย ซึ่งไม่เพียงช่วยเรื่องของสวัสดิการที่ดีให้กับสังคมยังช่วยให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนกว่าล้านๆ บาท
“ไม่ใช่โครงการรัฐประชานิยม เป็นโครงการที่เรียกว่า การรองรับสังคมผู้สูงวัย เพราะเราเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกในโลกที่มีสัดส่วนของผู้สูงวัยสูงที่สุด เราจะปล่อยให้มีแต่คนแก่และแก่ก่อนรวยด้วยส่วนใหญ่บ้านเรา พ่วงด้วยสุขภาพไม่ดีไม่ได้ เราจะเสียค่ารักษาพยาบาลมหาศาลปีละหลายแสนล้าน เราจะไม่มีใครทำมาหากินสร้างรายได้ ดังนั้นโครงการบำนาญประชาชนจะรองรับสังคมผู้สูงวัยที่จะอยู่ได้อย่างมีศีกด์ศรี แต่มีต้องหน้าที่ 1.ต้องเข้าโปรแกรมสร้างสุขภาพของรัฐบาลเพื่อให้มีสุขภาพดีแล้วกลับไปทำงานได้ 2.เขาโปรแกรมรีสกิลอัพสกิล เพื่อให้ผู้สูงสวัยกลับมาทำงานสร้างรายได้ให้กลับประเทศชาติได้หลังสุขภาพดีมีความรู้
“นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระลูกหลาน ลูกก็สามารถทำมาหากินเลี้ยดูครอบครัวและก็ตั้งตัวได้เร็ว ที่สำคัญยังช่วยให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืนเลย เงิน 3,000 ใช้ 3 แสนกว่าล้านบาท จะไม่ได้หายไปไหน เพราจะเป็นกำลังซื้อให้กับเศรษฐกิจฐานราก อย่างหนึ่งตำบลมีคนสูงวัยคนแก่ 2,000-2,500 คน เท่ากับมีเงินหมุน 6-10 ล้านต่อเดือน 1 ปี 3 แสนกว่าล้านบาท เป็นกำลังซื้อเข้าไปใหม่ ใครทำอะไรขายก็ขายดีหมด เพราะคนมีกำลังซื้อใหม่เข้าไป ตรงนี้ก็จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นและประเทศก็จะมีรายได้จากการเก็บภาษีมากขึ้นด้วย”
สลากหวยออมเงินเกษียณ
ด้วยนโยบายความคิดแบบครบวงจรไม่เพียงจะทำให้ประชาชนมีศักยภาพ มีรายได้ มีสุขภาพและได้รับสวัสดิการที่ดีแล้วนั้น ความยั่งยืนอีกหนึ่งสิ่งที่ทางไทยสร้างไทยพลักดันก็คือเรื่องของ ‘เงินออม’ โดยใช้ ‘สลากกินแบ่งรัฐบาล’ เป็นเบี้ยเงินเกษียณยามชรา แบบซื้อเท่าไรคืนให้เท่านั้นหลังอายุ 60 ปี
“เราอยากช่วยการออม วันนี้การออมต่ำมากของคนในประเทศ เพราะเขาไม่มีเงินออม เขาถึงซื้อหวย ลอตเตอรี่ เพราะยังมีลุ้นหวังรางวัล แต่ก็ถูกกินส่วนใหญ่ เราต้องพูดกันแบบไม่โกหก เราไม่ได้ส่งเสริมว่าจะต้องมาซื้อหวยแต่ถ้าเลิกนิสัยลุ้นไม่ได้ของคนไทบก็เอามาออมซะ” สุดารัตน์ กล่าว
“ทางเราก็เลยจะทำยุทธศาสตร์ สลากการออมแห่งชาติ ออกสลากให้ประชาชนได้ซื้อ ทดแทนหวยต่างๆ ซื้อแล้วยังได้ลุ้นรับรางวัลทุกงวดแบบเดิม แต่เงินต้นที่ซื้อนั้นไม่หายไปไหน เมื่อครบ 60 ปี คืนให้ ซื้อเท่าไหร่คืนเต็มให้ประชาชน นี่คือสิ่งที่เราจะพลักดันให้เกิดขึ้น จึงสร้างพรรคไทยสร้างไทย ด้วยฐานะประชาชนคนหนึ่ง คนเป็นแม่คนหนึ่งที่อยากสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ และมีโอกาสกับประเทศนี้ อยากสร้างไทยดีที่สุดในฐานะแม่เพื่ออนาคตลูกหลานเราพวกเขาทุกคน”