เปิดประวัติ'สุนทร วิลาวัลย์'บ้านใหญ่ปราจีนฯอัยการสั่งฟ้องรุกที่เขาใหญ่
เปิดประวัติ ‘สุนทร วิลาวัลย์“ อดีต รมช.สธ. เจ้าของบ้านใหญ่ปราจีนบุรี บิดา 'กนกวรรณ วิลาวัลย์' อดีตรมช.ศึกษาธิการ หลังอัยการคดีพิเศษนัดส่งฟ้องพร้อมกับพวก11คน คดีบุกรุกที่ดินเขาใหญ่ 28ก.พ.2567 ขณะเจ้าตัวเคยเปิดใจไม่เคยคิดรุกล้ำที่หลวงมีแต่จะเอาต้นไม้ไปปลูกเพิ่ม
กรณีนายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ได้มีหมายเรียกให้นายสุนทร วิลาวัลย์ กับพวกรวม 11 คน มารับทราบข้อกล่าวหาฐาน ร่วมกันบุกรุกเข้ายึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง แผ้วถาง ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หมู่ 13 ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ตามคำสั่งของอัยการสูงสุด ในวันที่ 28ก.พ.2567 เพื่อดำเนินการส่งตัวฟ้องศาลต่อไป
สำหรับนายสุนทร เป็นอดีตสส.8สมัยและเคยเป็นอดีตรมช.สาธารณสุข เล่นการเมืองในปราจีนบุรี ตั้งแต่สมัยที่ "สระแก้ว" ยังไม่แยกเป็นจังหวัด คนในพื้นที่รู้จักในชื่อ “โกทร”โดยตำแหน่งทางการเมืองล่าสุด คือ นายก อบจ. ปราจีนบุรี ปี 2563 เริ่มเข้าสู่การเมืองท้องถิ่นเป็นนายกเทศมนตรี ปี 2523 ต่อมาปี 2526 กระโดดเข้าสู่สนามใหญ่ได้เป็น ส.ส.สมัยแรก จากนั้นย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทย ตามคำเชิญชวนของ นายเสนาะ เทียนทอง และได้เป็น รมช.สาธารณสุข ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ปี 2544 ย้ายสังกัดพรรคไทยรักไทย
ต่อมาปี 2548 ส่งลูกสาวคือ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ลงสนามการเมืองได้เป็น ส.ส.สมัยแรก ระหว่างนั้น นายสุนทร ถูกเว้นวรรคทางการเมืองในคดียุบพรรค และปี 2554 ย้ายสังกัดพรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส.ในกลุ่มถึง 2 คน เกือบยกจังหวัด และการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ได้ ส.ส. ในกลุ่ม 3 คน หรือ "ยกจังหวัด" ซึ่งเรื่องนี้คาดว่าเป็นที่มา ที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยยกเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับตระกูลวิลาวัลย์ 1 เก้าอี้ คือ ตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ ของนางกนกวรรณ กระทั่งเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการบุกรุกป่าเขาใหญ่ จังหวัดปราจีนบุรีต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่ามีความผิดตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกําหนด 10 ปี
นายสุนทร ถือเป็นบ้านใหญ่ปราจีนบุรี เคยแจ้งบัญชีทรีพย์สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อคราวดำรงตำแหน่ง นายกอบจ.ปราจีนบุรี เมื่อ 15ก.พ.2564 มีทรัพย์สินกว่า 645.5 ล้านบาทเป็นที่ดินในชื่อของนายสุนทร 220 แปลง ประกอบด้วย โฉนด น.ส. 3 ก. น.ส. 3 และของคู่สมรสที่เสียชีวิต 5 แปลง
ทั้งนี้ที่ดินเกือบทั้งหมดอยู่ใน อ.ประจันตคาม อ.กบินทร์บุรี อ.ศรีมหาโพธิ อ.นาดี อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี และมีบางส่วนอยู่ที่ อ.เมืองสระแก้วและยังมีเรือนโรงและสิ่งปลูกสร้างอีก 19 รายการ มูลค่ารวม 2.4 ล้านบาท โดยเป็นบ้านเดี่ยวในชื่อของสุนทร ตั้งอยู่ที่ ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี 2 หลัง ปลูกสร้างบนโฉนดเดียวกัน มูลค่าหลังละ 2 แสนบาท, ห้องแถว จำนวน 13 หลัง ปลูกสร้างบนโฉนดเดียวกัน มูลค่าหลังละ 5 หมื่นบาท, ตึกเดี่ยวที่ปลูกสร้างบนโฉนดเดียวกับห้องแถว 1 หลัง มูลค่า 1.5 แสนบาท ส่วนคู่สมรสที่เสียชีวิต มีบ้านเดี่ยว 3 หลัง ปลูกสร้างบนโฉนดเดียวกัน มูลค่ารวม 1.25 ล้านบาท
นายสุนทร เคยให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 23มิ.ย.2565 ในคดีที่ถูกกล่าวหาบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ว่าปกติเป็นคนรักต้นไม้ รักธรรมชาติ รักเขา รักหิน รักน้ำ ชอบชายเขามากกว่าชายทะเล ชายทะเลจะเหนียวตัว แต่เขาอากาศดี ไม่เหนียวตัวถ้ามีคนเสนอขายที่ให้หากมีใบจอง มีหลักฐานที่ครอบครองอยู่ก็ซื้อ
ทั้งนี้ยอมรับว่าไม่มีความรู้ด้านนี้ เมื่อซื้อมาแล้วก็ไปปรึกษาป่าไม้ ทางที่ดิน ก็มีกฎหมายอยู่ฉบับหนึ่งว่า คนที่ทำกินแล้วและมีหลักฐานและไม่เข้าที่ป่าสงวนก็สามารถออกหลักฐานได้ เพื่อให้คนนั้นมีโอกาสมีทรัพย์สินของตนเองและจะทำประโยชน์ได้ ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้ ทำอะไรให้มีคุณค่า เมื่อซื้อแล้วก็มีเจ้าหน้าที่เอาระวางมาให้ดู ก็ไม่เคยดูว่าเขตนั้นเป็นอย่างไร ก็ให้ที่ดินมาดูว่าจะออกโฉนดได้วิธีไหน ที่ดินก็แนะนำว่าทำวิธีนั้น วิธีนี้ ก็ยื่นไป ยืนยันว่าไม่มีเจตนารุกล้ำแต่จะนำต้นไม้ไปปลูกเพิ่ม.