แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ใช้เวลาชาร์จ 72 วินาที
ความก้าวหน้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้รับการพัฒนาขึ้นทุกวัน หนึ่งในจุดบอดสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าคือระยะเวลาการชาร์จไฟหรือเติมพลังงานอันยาวนาน แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเมื่อล่าสุด เราอาจชาร์จแบตเตอรี่เสร็จสิ้นในเวลาเพียง 2 นาที
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่อเกือบทุกประเทศและบริษัทยักษ์ใหญ่กระโจนสู่สมรภูมิการแข่งขัน นำไปสู่พัฒนาการอย่างก้าวกระโดดในหลายด้านโดยเฉพาะแบตเตอรี่ หัวใจสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้าที่เกี่ยวพันถึงประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวม
แต่ล่าสุดพัฒนาการของแบตเตอรี่กำลังจะถูกยกระดับไปอีกขั้นเมื่อมีแบตเตอรี่ใหม่ใช้ระยะเวลาชาร์จเพียง 72 วินาที
ปัญหาใหญ่ของรถยน์ไฟฟ้า ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่
จุดตายสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้าทำให้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้รับความนิยมคือ ระยะเวลาเติมพลังงาน เราทราบกันดีว่าระยะเวลาชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หากเป็นภายในบ้านแม้มีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมก็อาจใช้เวลาราว 6 – 10 ชั่วโมง แม้จะนำไปใช้งานด้วยระบบ Fast charge ตามสถานีก็ยังกินเวลาราว 45 – 60 นาทีเลยทีเดียว
นี่เป็นเหตุผลสำคัญให้คนจำนวนมากที่ต้องการเปลี่ยนผ่านหรือมีความสนใจเกิดความลังเล จากเงื่อนไขในการเติมพลังงานที่ใช้เวลาค่อนข้างมาก ประกอบกับปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามีระยะทางวิ่งต่อการชาร์จไม่สูงนัก แม้มีความพยายามผลักดันจากรอบด้านก็ยังสร้างความลังเลแก่ผู้บริโภค
ไม่เพียงผู้ใช้งานคำถามส่วนนี้ย่อมสร้างข้อสงสัยแก่สถานีชาร์จด้วยเช่นกัน ในกรณีรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละคันใช้เวลาเติมพลังงานอย่างต่ำครึ่งชั่วโมง ส่วนนี้อาจสร้างความยุ่งยากในการจัดหาสถานที่รองรับ อีกทั้งทำให้รอบการให้บริการน้อยลงโดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้าจึงขาดความคล่องตัวเมื่อใช้ในระยะทางยาว
แน่นอนบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต่างเข้าใจในจุดนี้จึงเริ่มมองหาหนทางแก้ไขหรือบรรเทาปัญหานี้ด้วยเช่นกัน
แบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่ใช้เวลาชาร์จน้อยกว่าการเติมน้ำมัน
สำหรับท่านที่ใช้งานรถยนต์สันดาปในปัจจุบันย่อมทราบดีว่า การเติมน้ำมันในรถยนต์ทั่วไปใช้เวลาราว 2 นาที/คัน ถือเป็นค่าเฉลี่ยตามาตรฐานเมื่อคิดจากรถยนต์ 4 ล้อ นี่เป็นส่วนที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้ายากจะชดเชย ด้วยความเร็วในการเติมเชื้อเพลิงฉับไว ทำให้รถที่ใช้งานพร้อมเดินหน้าในเวลาไม่กี่นาที
แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปจากผลงานของบริษัทสัญชาติสวิสอย่าง Morand ชื่อของอดีตนักขับ F1 ผู้จัดการทีม Benoît Morand ได้ทำการคิดค้นแบตเตอรี่ไฮบริดชนิดใหม่ผสมผสานแบตเตอรี่ดั้งเดิมเข้ากับตัวเก็บประจุอัลตร้าคาปาซิเตอร์ สู่แบตเตอรี่ซึ่งสามารถชาร์จให้พร้อมใช้งานในระยะเวลาเพียง 72 วินาที
แนวทางการพัฒนาของบริษัทคือ การนำเทคโนโลยีภายในรถแข่งมาประยุกต์กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ก่อให้เกิด eTechnology แบตเตอรี่ต้นแบบที่ผสมผสานการทำงานของตัวเก็บประจุ จากการทดสอบช่วยให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ในระดับ 80% ได้ภายใน 72 วินาที และพุ่งไปถึง 98% ได้ภายในเวลาเพียง 120 วินาที
นอกจากนี้พวกเขายังแถลงว่า eTechnology รองรับการใช้งานภายในอุณหภูมิสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แตกต่างจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทั่วไปที่เมื่อเจอความแตกต่างทางอุณหภูมิมากๆ จะส่งผลให้การเก็บและคายประจุลดประสิทธิภาพ จนบางครั้งนำไปสู่ความเสียใหญ่ต่อแบตเตอรี่และรถทั้งคัน
อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ การติดตั้งตัวเก็บประจุช่วยให้รักษาประสิทธิภาพเซลล์พลังงานในแบตเตอรี่ โดย eTechnology รองรับการชาร์จได้มากกว่า 50,000 ครั้ง ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ รวมถึงแร่ที่ใช้ในการผลิตลง ถือเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและเงินในกระเป๋าเราไปพร้อมกัน
นี่จึงถือเป็นเทคโนโลยีน่าสนใจที่หากเป็นจริง รถยนต์ไฟฟ้าอาจเข้ามาแทนที่รถยนต์สันดาปได้โดยสมบูรณ์
ข้อจำกัดของ eTechnology กับยานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน
ขีดความสามารถของ eTechnology เทคโนโลยีแบตเตอรี่รุ่นใหม่ฟังดูดี ช่วยชดเชยข้อจำกัดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้งานปัจจุบันได้หลายด้าน แต่ข้อจำกัดสำคัญคือแบตเตอรี่ตัวต้นแบบที่ทำการทดลองเก็บสถิติ มีความจุไฟฟ้าเพียง 7.2 กิโลวัตต์ ห่างไกลจากความจุของแบตเตอรี่ภายในรถยนต์ไฟฟ้าที่ 50 – 100 กิโลวัตต์อยู่มาก
จริงอยู่นี่เป็นตัวต้นแบบจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม แต่เป็นไปได้มากว่า หากขยายความจุแบตเตอรี่ให้มากขึ้น ระยะเวลาในการชาร์จอาจไม่รวดเร็วเท่าเดิม เป็นจุดที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงต่อไป เพื่อให้เทคโนโลยีนี้สามารถรองรับการใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้าได้
ปัจจุบันทางบริษัทกล่าวว่า eTechnology เหมาะสำหรับการใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กซึ่งใช้งานภายในเมือง หรืออุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กลงมาจำพวก โดรน จักรยานไฟฟ้า และจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีความจุไฟฟ้าโดยรวมไม่เกิน 7 กิโลวัตต์ จะช่วยให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วแทบไม่ต่างจากการเติมน้ำมัน
นั่นทำให้สำหรับในบางประเทศที่มีการเดินทางกว้างขวางเทคโนโลยีนี้อาจไม่ได้รับความนิยมนัก แต่สำหรับการเดินทางในเมืองนี่อาจเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้น ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปมาสู่ EV ราบรื่นและเป็นไปโดยสะดวก โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีความนิยมในการใช้จักรยานยนต์
และเมื่อใดก็ตามที่เทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนาให้สามารถใช้งานกับแบตเตอรี่กำลังสูง จนสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในระยะเวลาใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาปเมื่อใด นั่นจะเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคสมัยแห่งยานยนต์ไฟฟ้าในที่สุด
แน่นอนการพัฒนาแบตเตอรี่ EV ไม่ได้มีเพียง eTechnology อย่างเดียว ปัจจุบันมีอีกหลายเจ้าพัฒนาแบตเตอรี่เพื่อยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่แบตเตอรี่ลิเธียมไทเทเนียม, แบตเตอรี่ลิเธียมซิลิคอน, แบตเตอรี่ลิเธียมซิลิคอน ฯลฯ ที่เราต้องรอดูกันต่อไปว่า แบตเตอรี่ชนิดใดจะได้รับการผลักดันออกมาใช้จริงก่อนกัน
แต่เชื่อว่าอีกไม่ช้าเทคโนโลยี EV อาจสามารถใช้งานได้สะดวกกว่าเครื่องยนต์สันดาปในอนาคต
ที่มา
https://www.posttoday.com/innovation/1350