โชคชัย สงสมก่อธุรกิจดับเพลิงชูเทคโนโลยีลดโลกร้อนเป้าหมายบริษัทพันล้าน

โชคชัย สงสม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เล่าย้อนเวลาก่อนเข้าสู่เส้นทางเจ้าของธุรกิจ ที่ตัวเขายังเป็นวิศวกรที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม แต่ด้วยเป้าหมายชีวิตที่ไม่ต่างจากนคนทั่วไป คือต้องการมีฐานะการเงินที่ดีและมั่นคงขึ้น จึงร่วมมือกับกลุ่มเพื่อนสนิทอีก 3 คนที่ฝันอยากมีธุรกิจของตัวเอง เริ่มรับเหมางานระบบ ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า ประปา และเริ่มขยายงานมากขึ้น กระทั่งเห็นโอกาสจากงานติดตั้งระบบดับเพลิง ที่กฎหมายบังคับให้อาคารทุกแห่งต้องมี จึงตัดสินในเบนเข็มสู่ธุรกิจดับเพลิง ด้วยมองว่าน่าจะเป็นหนทางสร้างรายได้ในระยะยาว 

เพราะเราจบสายวิศวะฯ มา ก็อยากใช้วิชาความรู้ที่เรียนมา และมีภาระค่อนข้างเยอะ อยากมีรายได้ที่สูงขึ้น จึงเริ่มต้นที่เงินประมาณหลักหมื่นกับรถกระบะเก่า ๆ คันหนึ่ง ร่วมกับเพื่อนสนิท 3 คน ทำรับเหมางานระบบ

จนเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556 จึงได้ก่อตั้งบริษัท  ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขึ้นอย่างเป็นทางการ เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบ จำหน่าย ติดตั้งระบบดับเพลิงและระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ตามมาตรฐาน ISO ทั้งระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001:2015 ระบบการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 : 2015 และระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001 : 2018 เช่นเดียวกับได้การรับรองแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practices : GLP) และหนังสือรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 3  ระบบสีเขียว (Green Industry Level 3)

โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั่วประเทศ ที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ประมาณ 95% ส่วนที่เหลือเป็นโรงพยาบาลและห้างสรรพสินค้าอีก 5% นอกจากนี้ยังเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายและนำเข้าอุปกรณ์เชื่อมต่อท่อดับเพลิง ยี่ห้อ 1NUO และอุปกรณ์ระบบดับเพลิง ยี่ห้อ EMACO ที่ต่างได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าในระดับสากล Underwriters' Laboratories Inc. (UL) และFactory Mutual (FM) 

ในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายทั้งการติดตั้งระบบดับเพลิง ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ งานบริการซ่อมบำรุง และการจำหน่ายสินค้าและอุปกรณ์รวมกว่า 200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นจากการขายสินค้าอย่างเดียวประมาณสัก 10% ขายสินค้าพร้อมติดตั้งก็เป็นบริการประมาณ 80%  และบริการอย่างเดียวสัก 10% ด้วยมุ่งรักษาอัตราการเติบโตรายได้ที่ 25-30% ต่อปี

ชูเทคโนโลยีลดโลกร้อน

โชคชัยเล่าถึงนวัตกรรมของระบดับเพลิงและระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ว่า เทคโนโลยีในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว ไม่ว่าธุรกิจไหน ต่างก็ต้องปรับตัวและเรียนรู้การเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับธุรกิจระบบดับเพลิงและระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ทำให้ที่ผ่านมาบริษัทต้องเรียนรู้นวัตกรรมสินค้า อุปกรณ์ ตลอดจนเทคโนโลยีการติดตั้งรูปแบบใหม่ ๆ ด้วย
 
ตัวอย่างเช่นแต่ก่อนในอุตสาหกรรมจะใช้วิธีเชื่อมต่อท่อดับเพลิงโดยใช้เครื่องเชื่อมไฟฟ้า แต่ปัจจุบันได้หันมาใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อท่อดับเพลิงที่เรียกว่า กรู๊ฟ คัปปลิ้ง แทน เป็นการใช้ข้อต่อท่อ โดยที่มีการเซาะร่อง (Grooved) ท่อ แล้วรัดหรือเชื่อมต่อโดยใช้ตัวรัดท่อที่มียางอยู่ด้านใน (Coupling) ซึ่งวิธีนี้ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้มาตรฐานและปลอดภัย ที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดความร้อน ประกายไฟ และควัน ที่สร้างมลพิษแก่สิ่งแวดล้อมอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทยังต่อยอดพัฒนาระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System) ที่มีรากฐานมาจากต่างประเทศ เช่น ยุโรป และสหรัฐฯ แต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับปัจจัยแวดล้อมของบ้านเรา ให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ ผ่านเทคโนโลยี IoT ที่สามารถแจ้งเตือนเหตุไฟไห้ให้แก่ผู้ใช้งาน หรือเจ้าหน้าที่ของลูกค้าสามารถเข้าถึงเหตุการณ์ได้เร็วขึ้น ได้ทั้งทางข้อความ ทาง LINE หรือทางเครือข่ายต่าง ๆ จึงนับเป็นนวัตกรรมที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัท และเป็นแรงดึงดูดให้ลูกค้าเลือกใช้บริการของบริษัทมากขึ้นด้วย 

ทั้งนี้โชคชัยยังให้มุมมองต่อการพัฒนานวัตกรรมอีกว่า ด้วยทุกธุรกิจต้องปรับตัวและปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เท่าทันเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อความอยู่รอดและยั่งยืน บริษัทเองก็ไม่ปฏิเสธเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น จึงต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ รู้จักประยุกต์หรือนำมาใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ ทั้งนี้ก็เพื่อธุรกิจได้พัฒนาและเป็นที่ยอมรับต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงส่งเสริมและสนับสนุนให้พนักงานได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง ผ่านการฝึกอบรม สัมมนาต่าง ๆ ที่หน่วยงานภายนอกจัดขึ้น 

ฝันใหญ่สู่บริษัทพันล้าน

สำหรับแผนธุรกิจของ บริษัท ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ฯ ที่โชคชัยตั้งธงไว้ คือมีแนวคิดที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น ด้วยที่ผ่านมาได้ดำเนินการติดตั้งระบบดับเพลิงที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ สปป.ลาว และที่เมียนมาร์ ไปบ้างแล้ว

แต่อีกฝันใหญ่ที่โชคชัยรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมอยู่ คือการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตามที่โชคชัยย้ำว่า "ความฝันทุกคนก็ต้องอยากเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อทำให้กิจการมีมูลค่าเติบโตสูงถึงพันล้านบาท แต่ยังรอให้บริษัทมีความพร้อมก่อนและค่อยดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม" 

ถอดบทเรียน Smart SME

โชคชัยถ่ายทอดประสบการณ์ทำธุรกิจที่ผ่านมาว่า หนึ่งในบทเรียนสำคัญคือการป้องกันความเสี่ยงด้วยการซื้อประกันภัยในการทำงาน ซึ่งมีครั้งหนึ่งที่เกิดความเสียหายจากการไปติดตั้งระบบดับเพลิงให้แก่ลูกค้าแล้วผิดพลาดจนเกิดความเสียหายจากการทำงาน แต่บริษัทไม่ได้ซื้อกันกันภัยไว้ก่อน จึงนำไปสู่การฟ้องร้องในเวลาต่อมา แต่ก็สามารถสู้คดีจนชนะมาได้ แต่ก็ทำให้เรีบนรู้ว่าต้องทำประกันภัยสำหรับทุกงานในเวลาต่อมา 

ที่สำคัญคือในฐานะเจ้าของกิจการต้องติดอาวุธความรู้ให้ตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และไม่ใช่ดูแลเฉพาะแต่งานหน้าบ้านหรืองานขาย แต่งานหลังบ้านอย่างบริหารด้านการเงินและทรัพยากรบุคคล ก็จำเป็นด้วยเช่นกัน

โชคชัยยังฝากทิ้งท้ายเพิ่มเติมอีกว่า การมีธุรกิจเป็นของตนเองนั้น ถือเป็นความฝันของลูกจ้าง พนักงานออฟฟิศ หรือของใครหลาย ๆ คน หากแต่ว่าใครจะเริ่มลงมือทำตอนไหน และใช้เวลาเท่าไร กว่าที่จะประสบความสำเร็จ จนเป็นที่ยอมรับ ซึ่งตรงจุดนี้ นอกจากจะใช้ทักษะความสามารถแล้ว ความขยัน อดทน ไม่ย่อท้อ ถือเป็นอีกปัจจัยหลักที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเช่นกัน 

แม้ว่าบริษัทของเราจะเป็นธุรกิจไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ก็สร้างความภาคภูมิใจให้ผมมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตและมีความมั่นคงอย่างปัจจุบัน อีกทั้งเรายังทำให้พนักงานของเรามีรายได้ สามารถนำไปใช้จ่ายและดูแลครอบครัวของพวกเขาด้วย ต้องขอขอบคุณพนักงานที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ฝ่าฟันอุปสรรคกันมา จนทำให้มีทุกวันนี้ได้

นอกจากนี้ ฝากถึงผู้ประกอบการและผู้ที่ฝันอยากมีธุรกิจอีกว่า ขอให้เริ่มลงมือทำในวันที่ร่างกายและความคิดยังโลดแล่น ซึ่งตอนเริ่มต้นเราอาจจะไม่พร้อมในทุกด้าน อาจเกิดปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ แต่ขอให้หมั่นเรียนรู้ความผิดพลาด หาวิธีการแก้ไข ซึ่งตรงนี้ช่วยสร้างประสบการณ์อย่างดีให้แก่ทุกคนได้ 

น้อยคนนักที่จะประสบผลสำเร็จทางธุรกิจในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นเราจะต้องมีความขยัน อดทน อย่าท้อระหว่างทาง เรียนรู้การประสบความสำเร็จของผู้อื่น เพื่อสร้างขวัญและกำลังให้กับเรา ที่สำคัญหมั่นศึกษาเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ  เพื่อเปิดวิสัยทัศน์ให้กับตนเอง ไม่แน่ว่า ผลสำเร็จหรือเป้าหมาย อาจอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม