10 ทางรอด ถอดมาตรการรัฐ อุ้ม SMEsไทยฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ
ChatGPT เผย 10 ทางรอด SMEs ไทยฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ แนะ 10 แนวทางรัฐช่วยกระตุ้น พร้อมชู 7 มาตรการภาครัฐช่วยผู้ประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สุด
หลังจากที่มีข่าวปิดโรงงานทั้งขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ตลอดจนการปลดพนักงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่อย่างหนักแบบนี้ ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs และ Start Up อาจกลายเป็นผู้ประสบภัยทางธุรกิจ หากสายป่านทางการเงินไม่มากพอ แผนธุรกิจและการบริหารเงินไม่ถูกจัดวางอย่างเป็นระบบ อาจถึงขั้นล้มหายตายจากไปเหมือนในอดีตได้
นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุสำคัญที่ผู้สื่อข่าว "โพสต์ทูเดย์" สอบถาม ChatGPT แชตบอตปัญญาประดิษฐ์ต้นแบบที่พัฒนาโดยโอเพนเอไอ ถึง "ทางรอด SMEs ไทยในยุควิกฤติเศรษฐกิจ" โดย ChatGPT แนะนำวิธีปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและเติบโตต่อไป ดังนี้คือ
1. ลดต้นทุน : พิจารณาลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น การใช้เทคโนโลยีในการจัดการกระบวนการผลิตหรือการจัดซื้อวัสดุที่มีราคาถูกกว่า
2. เพิ่มช่องทางการขาย : ขยายช่องทางการขายไปยังออนไลน์หรือแพลตฟอร์ม e-commerce เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ และเพิ่มยอดขาย
3. ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ : ฟังความเห็นจากลูกค้าและปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ตรงตามความต้องการมากขึ้น เพื่อรักษาลูกค้าเก่าและดึงดูดลูกค้าใหม่
4. การทำตลาดเชิงรุก : ใช้การตลาดดิจิทัลและโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขาย โดยการใช้ content marketing, influencer marketing หรือการจัดโปรโมชั่นพิเศษ
5. พัฒนาทักษะและความรู้ : ลงทุนในการพัฒนาทักษะและความรู้ของพนักงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
6. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า : รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าผ่านการให้บริการที่ดีและการดูแลหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
7. หาความร่วมมือกับธุรกิจอื่นๆ : ร่วมมือกับธุรกิจอื่นในการจัดกิจกรรมหรือการสร้างโปรโมชั่นร่วมกัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย
8. ปรับตัวตามแนวโน้มตลาด : ศึกษาแนวโน้มตลาดและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง เช่น หากมีการเติบโตในตลาดสินค้าเขียวหรือสุขภาพ ก็ปรับผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์
9. การบริหารจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ : ตรวจสอบและควบคุมกระแสเงินสดอย่างใกล้ชิด วางแผนการเงินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลาที่ต้องการเงินสดเพิ่ม
10. การสร้างแบรนด์และความเชื่อมั่น : ลงทุนในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและสร้างความเชื่อมั่นในตลาด โดยการมีคุณภาพสินค้าหรือบริการที่ดี
การปรับตัวอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ SMEs สามารถอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ในช่วงเศรษฐกิจแย่
ถามว่า รัฐบาลไทยควรช่วยเหลือ SME ไทยอย่างไร
ChatGPT มองว่ารัฐบาลไทยสามารถช่วย SMEs ในประเทศได้หลากหลายวิธีเพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถปรับตัวและเติบโตในช่วงเศรษฐกิจยากลำบาก ดังนี้
1. การสนับสนุนทางการเงิน : มอบเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือไม่มีดอกเบี้ย พร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ SMEs ผ่านกองทุนพิเศษหรือการร่วมลงทุน
2. การลดภาษีและค่าธรรมเนียม : มอบการลดหย่อนภาษีหรือยกเว้นภาษีในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อลดภาระทางการเงิน รวมถึงการลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ
3. การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ : จัดโครงการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะและความรู้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การใช้เทคโนโลยี, การตลาดดิจิทัล, การบริหารจัดการเงินสด, และการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์
4. การส่งเสริมการเข้าถึงตลาด : สนับสนุน SMEs ให้เข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการจัดงานแสดงสินค้า, การทำตลาดเชิงรุก, และการสนับสนุนการส่งออก
5. การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี : มอบการสนับสนุนในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ เช่น การใช้ระบบ e-commerce, การจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ, และการใช้ระบบบัญชีออนไลน์
6. การสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ : สนับสนุนการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่าง SMEs และระหว่าง SMEs กับธุรกิจขนาดใหญ่หรือสถาบันการศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจร่วมกัน
7. การช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน : จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือ SMEs ในกรณีฉุกเฉินเพื่อให้คำปรึกษาและความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเมื่อเกิดปัญหาทางธุรกิจ
8. การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา : สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
9. การปรับปรุงกฎระเบียบและข้อบังคับ : ปรับปรุงกฎระเบียบและข้อบังคับที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของ SMEs ให้มีความเหมาะสมและสนับสนุนการเติบโต
10. การสร้างโอกาสการจ้างงาน : สนับสนุนให้ SMEs สามารถจ้างงานใหม่ๆ โดยการมอบเงินสนับสนุนหรือสิทธิพิเศษในการจ้างงานเพื่อลดปัญหาการว่างงาน
อย่างไรก็ดี การสนับสนุนที่ครอบคลุมและเหมาะสมจะช่วยให้ SMEs ในประเทศไทยสามารถฝ่าฟันช่วงเศรษฐกิจที่ยากลำบากและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
7 มาตรการรัฐช่วย SME ไทย
สำหรับมาตรการภาครัฐที่ช่วย SMEs และส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สุด มักจะประกอบด้วย การสนับสนุนทางการเงิน, การส่งเสริมการตลาด, และการพัฒนาทักษะ ChatGPT มี 7 ข้อดังนี้คือ
1. โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loans) ให้ SMEs เข้าถึงเงินทุนด้วยดอกเบี้ยต่ำหรือตามเงื่อนไขที่ผ่อนปรน ซึ่งช่วยลดภาระทางการเงินและช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้ต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น โครงการ Soft Loans ของธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)
2. การลดภาษีและค่าธรรมเนียม ลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆให้กับ SMEs เช่น การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล, ยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนธุรกิจ และการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ตัวอย่างเช่น การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับ SMEs ที่มีกำไรสุทธิต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
3. การสนับสนุนการตลาดและการส่งออก ส่งเสริมการเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านโครงการจัดแสดงสินค้า, การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching), และการฝึกอบรมด้านการส่งออก ตัวอย่างเช่น โครงการจับคู่ธุรกิจของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)
4. การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดต้นทุน รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาและใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น โครงการสนับสนุนการใช้งานระบบ e-commerce สำหรับ SMEs โดยกระทรวงพาณิชย์
5. การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ จัดโครงการฝึกอบรมและให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาทักษะการดำเนินธุรกิจ เช่น การบริหารจัดการ, การตลาดดิจิทัล, และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
6. การสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ สนับสนุนการสร้างเครือข่ายระหว่าง SMEs และการร่วมมือกับธุรกิจขนาดใหญ่, สถาบันการศึกษา, และหน่วยงานรัฐ ตัวอย่างเช่น โครงการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Linkages)
7. การสนับสนุนทางกฎหมายและนโยบาย ปรับปรุงกฎหมายและนโยบายให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของ SMEs ลดขั้นตอนที่ซับซ้อน และสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินธุรกิจ ตัวอย่างเช่น การลดขั้นตอนการขออนุญาตและการจดทะเบียนธุรกิจ
อย่างไรก็ดี มาตรการเหล่านี้เมื่อดำเนินการร่วมกันจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตและความยั่งยืนของ SMEs ทำให้พวกเขาสามารถปรับตัวและพัฒนาได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจ