"อันตรายจากฝุ่น พึงตระหนักแต่ไม่ควรตระหนก" มุมมองจากหมอโรคระบบหายใจ
"พึงตระหนัก แต่ไม่ควรตระหนก" ความเห็นจาก "อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ" กับปัญหาฝุ่นละออง และ 3กลุ่มผู้ป่วยที่เสี่ยงได้รับผลกระทบมากสุด
"พึงตระหนัก แต่ไม่ควรตระหนก" ความเห็นจาก "อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ" กับปัญหาฝุ่นละออง และ 3กลุ่มผู้ป่วยที่เสี่ยงได้รับผลกระทบมากสุด
*************************
โดย...รัชพล ธนศุทธิสกุล
ชาวเมืองกรุงกำลังตื่นตัวหลังสภาพอากาศในกรุงเทพฯมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอนหรือ PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่จนเริ่มมีผลต่อสุขภาพ
นายแพทย์ พิเชษฐ์ เจริญศิริวัฒน์ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลสมิติเวช (สุขุมวิท) อธิบายถึงผลกระทบต่อร่างกายจากฝุ่น PM2.5 ว่า แต่ละคนจะได้รับผลกระทบไม่เท่ากัน เนื่องจากขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและสุขภาพของแต่ละบุคคล
"คนธรรมดาปกติที่มีร่างกายแข็งแรงจะได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากร่างกายมีกลไกธรรมชาติป้องกัน และค่าฝุ่นละอองที่ส่งผลต่อสุขภาพ เกิดขึ้นเฉพาะบางช่วงเวลาเท่านั้น
"คนปกติที่จะเกิดการป่วยด้วยฝุ่นละออง PM2.5 ได้ก็ต้องสูดดมกันทั้งวันเป็นเดือนๆ ถึงจะเกิดอันตราย ซึ่งขณะนี้ค่ามลพิษทางอากาศที่เกินค่ามาตรฐานในกรุงเทพฯจะเกิดขึ้นใน 2 ช่วงเวลาเท่านั้นคือ ช่วงเวลาเช้า 05.00-08.00 น. และ ช่วงเวลาเย็น 18.00 – 19.30น."
อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ กล่าวว่า ประชาชนที่ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติไม่ควรตระหนกตกใจในการใช้ชีวิต แค่ต้องรู้จักการป้องกันหากอยู่ภายในที่แจ้ง เช่น นอกตัวอาคารในช่วงเวลาอากาศปิดก็ควรหาอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำปิดจมูก หรือสวมใส่หน้ากากอนามัย
"คนปกติแข็งแรงใช้แค่ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำป้องกันบริเวณจมูกเพื่อหายใจก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเกิดใครไม่สะดวกหรือไม่ชอบที่ต้องเปียก หน้ากากอนามัยธรรมดาก็สามารถช่วยป้องกันได้เช่นเดียวกัน"
"ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ" กลุ่มที่เสี่ยงอันตรายที่สุด
นายแพทย์พิเชษฐ์ กล่าวว่า กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง PM2.5 มาก แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ
1.กลุ่มที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว
2.กลุ่มโรคเกี่ยวกับภูมิแพ้ที่ตา
3.กลุ่มสภาพร่างกายพื้นฐานไม่แข็งแรง ขาดสารอาหาร ป่วยเป็นโรคมะเร็งหรือป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง
"กลุ่มที่ต้องระวังมากที่สุดพื้นคือกลุ่มที่ 3 กลุ่มพื้นฐานร่างกายไม่แข็งแรง ขาดสารอาหารหรือป่วยเป็นโรคมะเร็ง การที่เจอฝุ่นควันพวกนี้เข้าไปแปลกปลอมในร่างกายจะกระตุ้นให้ระบบทางเดินหายใจแย่ลง ร่างกายเขาจะเสี่ยงต่อการที่ติดเชื้อและมักจะมีเชื้อซ่อนอยู่ในตัวอยู่แล้วด้วย ดังนั้นพอเจอฝุ่นควันประเภทนี้เข้าไปมันจะไปรบกวนภูมิคุ้มกันทางเดินหายใจจนอาจเกิดการติดเชื้อในทางเดินหายใจแทรกซ้อนขึ้นมาได้
ความรุนแรงสุดคือปอดอักเสบโดยการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้หลายรายภาวะทางเดินหายใจล้มเหลว อาการสามารถกำเริบรุ่นแรงจนกระทั่งถึงกับต้องเข้าไอซียู
"นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด ถุงลมโปงพอง โรคภูมิแพ้ของระบบหายใจ เมื่อเจอฝุ่นจะทำให้ระบบทางเดินหายใจระคายเคือง ทำให้เกิดแผลในปอดขึ้น ซึ่งการที่เกิดแผลบ่อยๆ สุดท้ายจะกลายเป็นพวกพังผืดในปอดตามมา ซึ่งอาการจะเหมือนโรคถุงลมโป่งพองแบบเดียวกับคนที่สูบบุหรี่"
หน้ากาก N95 ช่วยได้
อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ เปิดเผยว่า จากการตรวจคนไข้ที่ได้เข้ารับการรักษาโรคทางเดินหายใจอยู่ก่อนหน้านี้ ยืนยันได้ว่าหน้ากาก N95 สามารถป้องกันฝุ่นละอองได้เป็นอย่างดี เพราะกว่า 50 % ของคนไข้ทั้งหมดโรคระบบหายใจเข้ามารับการรักษาในช่วงเวลานี้ กว่าครึ่งเกิดจากสาเหตุไม่ใส่หน้ากากป้องกันอย่างถูกต้องในช่วงที่ออกไปสูดอากาศค่ามลพิษที่สูง
“ผู้ป่วยที่เข้ามารักษากลับมาพบก่อนการนัดหมายตรวจ แต่ยังไม่รุนแรง เป็นแค่หอบหืด ระบบหายใจติดขัด ยังไม่พบเป็นโรคหัวใจ โรคสมอง หรือ ระบบหายใจติดเชื้อก็แค่คาดคะเนไว้ว่าสามารถเกิดได้แต่ยังไม่มีรายงาน ยังเจอไม่ถึงขนาดนั้น”
นายแพทย์พิเชษฐ์ กล่าวว่า ให้พึงตระหนักได้แต่ไม่ควรตระหนก กับปัญหาฝุ่นละออง
"ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่าเราตื่นตระหนกมากไปนิดหนึ่ง คนปกติใช้หน้ากากอนามัยธรรมดาป้องกัน ส่วนกลุ่มคนเสี่ยงให้เขาใช้หน้ากาก N95 ป้องกัน ราคามาตฐานปกติราคาแบบธรรมดาอยู่ที่ราวๆ 50 บาท ระดับที่ดีขึ้นมาอีกหน่อยก็ราวๆ 100 บาท ทีนี้ตอนนี้เกิดการปรับขึ้นราคาถึง 150 บาท ก็ฉวยโอกาสกัน อยากจะแจ้งว่าหมดช่วงฤดูหนาวอีกไม่นานฝุ่นพวกนี้ก็จะหมดเพราะลมร้อน ฝุ่นพวกนี้จะถูกพัดออกไปและยิ่งอากาศร้อนก็จะเริ่มมีฝนปรอยๆ มาชะล้างอากาศให้ดีขึ้น"