posttoday

เลือกตั้ง66:ศรีสุวรรณ ยื่นกกต.สอบ แพทองธาร ปมถือหุ้นสื่อ

02 พฤษภาคม 2566

ศรี​สุวรรณ ร้องกกต.สอบ แพทองธาร​ ถือหุ้นสื่อ บริษัท​เอสซี​ ชี้ อาจจะขาดคุณสมบัติผู้สมัครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยหรือไม่ กางตำรา หากตรวจสอบขัดจริง อาจทำให้ แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย เหลือแค่ 2 คน พ่วงโดนลงโทษ กฎหมายอาญา

วันที่2พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อกกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบน.ส.เเพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย มีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ 

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า สืบเนื่องจากพรรคเพื่อไทย ได้เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อกกต. เมื่อวันที่ 5 เม.ย. จำนวน 3 คน หนึ่งในนั้นคือ น.ส.แพทองธาร ตนได้ตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม​ตาม ม.98(2) ประกอบ ม.160(6) และ ม.98(3) ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ เป็นลักษณะต้องห้ามที่พรรคการเมืองจะมีมติว่าจะเสนอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตาม ม.88 มิได้ 

น.ส.แพทองธาร ยังถือหุ้นอยู่ในกิจการ บริษัท เอสซีแอสเสท คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) 1,216,149,807 หุ้น ได้แจ้งวัตถุประสงค์ตามที่ได้จดทะเบียนบริษัทฯ ทั้งหมด 39 ข้อ โดยมี 5 ข้อที่อาจเข้าข่ายเป็นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ อาทิ ประกอบกิจการเกี่ยวกับการจัดทำ จัดพิมพ์เอกสารใดๆ ประกอบกิจการโฆษณา ประกอบกิจการจัดสร้าง จัดจำหน่ายภาพยนต์ ประกอบธุรกิจด้านบันเทิง และโฆษณา ทุกชนิด ทุกประเภท ประกอบธุรกิจ และธุรกรรมทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทุกประเภท​

เราไม่แน่ใจว่า การระบุวัตถุประสงค์ในหนังสือบริคณห์สนธิ หรือเอกสารที่จดแจ้งกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จะถือว่าเป็นเจ้าของกิจการในสื่อ หนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆตามที่กฎหมายได้ระบุห้ามไว้หรือไม่

สมาคมฯ จึงนำคำร้องยื่นต่อกกต. เพื่อขอให้ไต่สวน สอบสวนว่า การที่น.ส.แพทองธาร ถือหุ้นในกิจการที่อาจจะมีวัตถุเกี่ยวข้องกับกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ จะเข้าข่ายขัดหรือแย้งต่อคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่

เมื่อถามว่าหากกกต.วินิจฉัยน.ส.แพทองธาร​ ขาดคุณสมบัติ​จริง​จะมีผลต่อพรรคเพื่อไทยอย่างไรบ้าง​ นายศรีสุวรรณ​ กล่าวว่า​ เบื้องต้น พรรคจะตัดสิทธิ​การเป็นแคนดิเดตนายกฯของน.ส.แพทองธาร​ จะเหลือแคนดิเดตนายกฯแค่​ 2 คน​ น.ส.แพทองธาร​ จะต้องได้รับโทษตามกฎหมายอาญาฐานแจ้งความเท็จต่อกกต.​ เพราะตาม​รัฐธรรมนูญ​มาตรา​ 88,89 กำหนดไว้ว่า​ ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองจะต้องเซ็นยินยอมด้วย​ จะทำให้น.ส.แพทองธาร​ มีความผิดตามประมวลกฎหมาย​อาญามาตรา​ 137 จะต้องระวางโทษไม่เกิน​ 6 เดือน​ และปรับไม่เกิน​ 10,000​ บาท​

การเสนอชื่อบุคคลที่เป็นแคนดิเดตนายกฯกำหนดไว้ว่า ต้องมีหนังสือยินยอมของบุคคล​ที่รับการเสนอชื่อ​ ในส่วนของกรรมการ​บริหาร​พรรค​อาจจะต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้ที่เสนอชื่อน.ส.แพทองธาร​ เป็นแคนดิเดตนายกฯ​ โดยมีโทษกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ​ประกอบรัฐธรรมนูญ​ว่าด้วย​พรรคการเมือง​ พ.ศ.2560