เลือกตั้ง66:ศรีสุวรรณ ยื่นกกต.สอบ แพทองธาร ปมถือหุ้นสื่อ
ศรีสุวรรณ ร้องกกต.สอบ แพทองธาร ถือหุ้นสื่อ บริษัทเอสซี ชี้ อาจจะขาดคุณสมบัติผู้สมัครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยหรือไม่ กางตำรา หากตรวจสอบขัดจริง อาจทำให้ แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย เหลือแค่ 2 คน พ่วงโดนลงโทษ กฎหมายอาญา
วันที่2พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อกกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบน.ส.เเพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย มีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า สืบเนื่องจากพรรคเพื่อไทย ได้เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อกกต. เมื่อวันที่ 5 เม.ย. จำนวน 3 คน หนึ่งในนั้นคือ น.ส.แพทองธาร ตนได้ตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามตาม ม.98(2) ประกอบ ม.160(6) และ ม.98(3) ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ เป็นลักษณะต้องห้ามที่พรรคการเมืองจะมีมติว่าจะเสนอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตาม ม.88 มิได้
น.ส.แพทองธาร ยังถือหุ้นอยู่ในกิจการ บริษัท เอสซีแอสเสท คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) 1,216,149,807 หุ้น ได้แจ้งวัตถุประสงค์ตามที่ได้จดทะเบียนบริษัทฯ ทั้งหมด 39 ข้อ โดยมี 5 ข้อที่อาจเข้าข่ายเป็นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ อาทิ ประกอบกิจการเกี่ยวกับการจัดทำ จัดพิมพ์เอกสารใดๆ ประกอบกิจการโฆษณา ประกอบกิจการจัดสร้าง จัดจำหน่ายภาพยนต์ ประกอบธุรกิจด้านบันเทิง และโฆษณา ทุกชนิด ทุกประเภท ประกอบธุรกิจ และธุรกรรมทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทุกประเภท
เราไม่แน่ใจว่า การระบุวัตถุประสงค์ในหนังสือบริคณห์สนธิ หรือเอกสารที่จดแจ้งกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จะถือว่าเป็นเจ้าของกิจการในสื่อ หนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆตามที่กฎหมายได้ระบุห้ามไว้หรือไม่
สมาคมฯ จึงนำคำร้องยื่นต่อกกต. เพื่อขอให้ไต่สวน สอบสวนว่า การที่น.ส.แพทองธาร ถือหุ้นในกิจการที่อาจจะมีวัตถุเกี่ยวข้องกับกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ จะเข้าข่ายขัดหรือแย้งต่อคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่
เมื่อถามว่าหากกกต.วินิจฉัยน.ส.แพทองธาร ขาดคุณสมบัติจริงจะมีผลต่อพรรคเพื่อไทยอย่างไรบ้าง นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เบื้องต้น พรรคจะตัดสิทธิการเป็นแคนดิเดตนายกฯของน.ส.แพทองธาร จะเหลือแคนดิเดตนายกฯแค่ 2 คน น.ส.แพทองธาร จะต้องได้รับโทษตามกฎหมายอาญาฐานแจ้งความเท็จต่อกกต. เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88,89 กำหนดไว้ว่า ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองจะต้องเซ็นยินยอมด้วย จะทำให้น.ส.แพทองธาร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 จะต้องระวางโทษไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
การเสนอชื่อบุคคลที่เป็นแคนดิเดตนายกฯกำหนดไว้ว่า ต้องมีหนังสือยินยอมของบุคคลที่รับการเสนอชื่อ ในส่วนของกรรมการบริหารพรรคอาจจะต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้ที่เสนอชื่อน.ส.แพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกฯ โดยมีโทษกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560