สหรัฐปรับยุทธศาสตร์รับมือ"จีน-รัสเซีย"มากกว่าภัยก่อการร้าย

เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ เปิดเผยยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของสหรัฐ โดยเน้นไปที่การรับมือกับประเทศมหาอำนาจชาติอื่น โดยเฉพาะจีนและรัสเซีย มากกว่าการรับมือภัยก่อการร้ายเหมือนที่ผ่านมา โดยนับเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายกลาโหมระหว่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่โศกนาฏกรรม 11 ก.ย. 2001 ที่ผู้ก่อการร้ายขับเครื่องบินพุ่งชนเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ส่งผลให้กองทัพสหรัฐมุ่งเน้นต่อต้านการก่อการร้ายนับตั้งแต่นั้นมา

“เรากำลังเผชิญภัยคุกคามใหม่จากประเทศอย่างจีนและรัสเซีย ที่มุ่งเปลี่ยนดุลอำนาจของโลกและพยายามสร้างโลกใหม่ภายใต้ลัทธิเผด็จการ” แมตทิส กล่าว แต่ไม่ได้ระบุมาตรการรับมือที่ชัดเจน พร้อมเรียกร้องให้สภาคองเกรสพิจารณาเพิ่มงบประมาณกลาโหม เพื่อให้สหรัฐยังสามารถแข่งขันทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับต่างประเทศได้

ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้ระบุถึงจีนและรัสเซียว่า จีนเป็นประเทศคู่แข่งสหรัฐที่ใช้นโยบายเศรษฐกิจในการกดดันประเทศเพื่อนบ้าน และยังใช้กำลังทหารแผ่อิทธิพลในทะเลจีนใต้ ในขณะที่รัสเซียให้ทหารของตนรุกล้ำเข้าไปยังอาณาเขตประเทศอื่น และใช้สิทธิวีโต้ในเวทีระหว่างประเทศในการชี้นำนโยบายภายในของประเทศเพื่อนบ้าน

ด้าน เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ตอบโต้สหรัฐว่า รู้สึกเสียใจที่สหรัฐใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อขึ้นเป็นผู้นำโลก มากกว่าจะใช้การเจรจาอย่างสันติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยรัสเซียพร้อมเจรจากับสหรัฐ ขณะที่ เหรินกัวเจียง โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน เรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกแนวคิดเผชิญหน้าเหมือนกับช่วงสงครามเย็น และระบุว่ามาตรการความมั่นคงระหว่างประเทศของจีนสมเหตุสมผลแล้ว

ภาพ เอเอฟพี